หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการพูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ผู้นำสหรัฐ ซึ่งนับเป็นเกียรติของทั้งสองประเทศที่ได้แสดงความยินดีและเป็นกำลังใจ ชื่นชมในการบริหารประเทศของทั้งสองประเทศ โดยความสัมพันธ์ระหว่างไทย-สหรัฐยังคงเป็นไปด้วยดีทั้งเรื่องการค้าการลงทุน ซึ่งสหรัฐรับปากดูแลและสนับสนุนทุกเรื่อง และจะมีการกำหนดการเดินทางหลังนายทรัมป์ได้เชิญเยือนทำเนียบขาว ณ กรุงวอชิงตัน ดีซีต่อไปในอนาคต
ส่วนการเยือนประเทศบาห์เรน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าการพูดคุยมีความก้าวหน้าเจรจาลงทุน การท่องเที่ยว สาธารณสุข โดยเฉพาะด้านการส่งออกที่ไทยแปรรูปส่งค้านำไปขายยังกลุ่มประเทศอารับ ด้านบาห์เรน ได้เป็นสื่อกลางที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและซาอุดิอาระเบีย เป็นไปด้วยดีมากขึ้น โดยจะมีการหารือร่วมกันในเร็วๆนี้ สำหรับสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลี ไทยและอาเซียนได้หารือกัน โดยขอให้ประเทศมหาอำนาจพูดคุยหารือ เพื่อหามาตรการที่เหมาะสมในความสงบ
ส่วนการทำงาน ครบ 3 ปีของรัฐบาล นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ทุกกระทรวงทำแผนทุกด้านให้มีความชัดเจนขึ้นโดนเฉพาะการใช้จ่ายงบประมาณว่ามีผลงานเป็นรูปธรรมอย่างไรบ้าง ขณะเดียวกันก็จะดูแผนแม่บทของแต่ละกระทรวงว่ามีการวางแผนไว้อย่างไร ทั้งนี้จะต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาลหน้าที่จะเข้ามา ซึ่งหากจะมีการเปลี่ยนแปลงแผนก็สามารถทำได้ ส่วนเรื่องกระบวนการยุติธรรม เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องช่วยกันติดตาม ขอร้องว่าอย่าไปมองแต่สิ่งเล็กๆ จนทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจ โดยบางเรื่องบางคดีที่มาจากคนกลุ่มเดียว แต่ไม่ได้หมายความว่าคนทั้งประเทศต้องถูกดำเนินคดีไปด้วย ซึ่งในหลายๆ เรื่องรัฐบาลจะพยายามสร้างความชัดเจนเช่นคดีหลอกลวง จับไม่ได้แต่มาจับได้รัฐบาลนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจ อย่างไรก็ตามวันนี้คนไทยจำเป็นต้องผนึกกำลังกันให้ได้ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหา และวันนี้การเมืองกำลังเดินหน้าไปสู่การเป็นประชาธิปไตย จึงขออย่าทำให้เป็นประเด็นทางการเมืองทุกเรื่อง ไม่เช่นนั้นก็จะทำงานกันไม่ได้ ซึ่งหากทำงานไม่ได้ตลอด 3 ปีที่ทำมาก็ถือว่าล้มเหลว