หลังรัฐบาลอนุมัติจัดซื้อเรือดำน้ำ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เลขาธิการภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นของชาติ(ภตช.) มนฐานะตัวแทนองค์กร เข้ายื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านนายพันธ์ศักดิ์ เจริญ ผอ.ส่วนประสานมวลชน สำนักงานปลัดนายกรัฐมนตรี ที่ศูนย์บริการประชาชน ถึงกรณีการจัดซื้อเรือดำน้ำจากสาธารณประชาชนจีนว่า ตัวเองและองค์กรสนับสนุนการจัดซื้อเรือดำน้ำที่ทางกระทรวงกลาโหม เสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และผ่านความเห็นชอบไปแล้ว 1 ลำ เหลืออีก 2 ลำ โดยมองว่ารัฐบาลจัดซื้อเรือดำน้ำช้าเกินไป เพราะขณะนี้ประเทศเพื่อนบ้านต่างมีกันแล้ว
ทั้งนี้กว่าจะต่อเรือเสร็จสิ้นต้องใช้ระยะเวลา 6 ปี มองว่าช้าเกินไป เนื่องจากขณะนี้ใกล้เข้าสู่ภาวะสงครามโลกครั้งที่3 จึงเสนอแนะให้ประสานความร่วมมือกับจีนและสหรัฐฯ เพื่อขอยืมเรือดำน้ำทั้ง 2 ประเทศชั่วคราว เพื่อแก้ไขปัญหาความมั่นคง พื้นที่น่านน้ำฝั่งอันดามันและอ่าวไทย นอกจากนี้ยังฝากไปยังพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย ที่ออกมาระบุว่า รัฐบาลไม่ได้แก้ปัญหาปากท้องของประชาชน ที่กำลังอยู่ในสภาวะลำบากนั้นไม่เป็นความจริง โดยทางรัฐบาลแก้ไขอย่างเต็มที่และมากกว่ารัฐบาลที่ผ่านมา ซึ่งเรื่องปากท้อง ประชาชนเป็นเรื่องหนึ่ง แต่เรื่องความมั่นคงถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยคิดว่าฝ่ายการเมืองพยายามใช้เงื่อนไขนี้ มาบั่นทอนความมั่นคงในกองทัพ อย่างไรก็ตามการมีเรือดำน้ำ ไม่ได้มีไว้เพื่อทำร้ายประเทศอื่น แต่มีเพื่อปกป้องประชาชน พร้อมกันนี้ยังเสนอให้ปีงบประมาณ 2561 รัฐบาลบรรจุงบประมาณของกระทรวงกลาโหม เกี่ยวกับการจัดซื้อจรวดโทมาฮอว์ก เก็บไว้ 200-300 ลำกล้อง รวมถึงขีปนาวุธ ที่ประเทศไทยจะต้องมีด้วย
ทั้งนี้ นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า หากรัฐบาลจะซื้ออาวุธ ควรจะกระจายการซื้ออาวุธ ไปยังประเทศมหาอำนาจอื่นๆ ไม่ควรผูกขาดแค่จีนประเทศเดียว ส่วนที่หลายฝ่ายจับจ้องการซื้อเรือดำน้ำในครั้งนี้ส่วนตัวมองว่า ขณะนี้กลุ่มใหญ่ที่สุดที่ตรวจสอบในเรื่องนี้คือพรรคเพื่อไทย โดยคิดว่า ขณะนี้ควรจะไปรวบรวมเงินเพื่อคืนรัฐบาลดีกว่า เพื่อนำเงินจำนวนนี้มาซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ และเป็นค่าเรียนฟรีอย่างมีคุณภาพ