อัตราเงินเฟ้อในเดือนเมษายนปีนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.38 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้น 13 เดือนติดต่อกัน แต่เป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราชะลอตัวลง น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เงินเฟ้อเดือนเมษายนสูงขึ้นในอัตราที่ลดลง นับจากที่เคยขึ้นสูงขึ้นร้อยละ 1.55 เมื่อเดือนมกราคม 2560 และลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 1.44 ในเดือนกุมภาพันธ์และร้อยละ 0.76 ในเดือนมีนาคม ส่วนเงินเฟ้อเมษายน เมื่อเทียบเดือนมีนาคมที่ผ่านมาสูงขึ้นร้อยละ 0.16 และเฉลี่ย 4 เดือนของปี 2560 (ม.ค.-เม.ย.) สูงขึ้นร้อยละ 1.03
โดยสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ลดลงร้อยละ 0.26 ติดลบครั้งแรกในรอบ 15 ปี นอกจากนี้ราคาผัก ผลไม้ แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง ไข่และผลิตภัณฑ์นมลดราคาลง ส่วนสินค้าที่ราคาสูงขึ้นคือ เนื้อสัตว์ เป็ด ไก่และสัตว์น้ำ เครื่องประกอบอาหาร เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ อาหารบริโภคในบ้าน นอกบ้านเพิ่มขึ้น
สำหรับแนวโน้มเงินเฟ้อยังคงเป็นช่วงขาขึ้น เพราะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวสูงขึ้น การส่งออกขยายตัวดีขึ้น ส่วนกลุ่มผู้ที่เคยใช้สิทธิ์ซื้อรถคันแรก ตอนนี้ผ่อนหมดแล้ว ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น โดย สนค.ประเมินอัตราเงินเฟ้อปี 2560 อยู่ที่ร้อยละ 1.5-2.2 จากสมมติฐานการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยอยู่ที่ร้อยละ 3.5 ตามการฟื้นตัวของภาคการส่งออก ราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวดีขึ้น การใช้จ่ายครัวเรือนดีขึ้น การลงทุนรัฐและเอกชนเพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยอยู่ที่ 55 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
จากปัญหาภัยแล้ง นายสุรัตน์ สงวนทรัพย์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 1 จังหวัดชัยนาท กรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูแล้งของทุกปีจะมีน้ำทะเลหนุน ส่งผลให้ 3 จังหวัดภาคกลาง ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี และปทุมธานี ได้รับผลกระทบในด้านการเกษตร โดยมีการประสานกับกรมชลประทาน ตรวจค่าวิเคราะห์ความเค็มของน้ำ และรายงานผลการตรวจวิเคราะห์ให้เกษตรกรได้ทราบล่วงหน้าอย่างต่อเนื่อง
ส่วนความคืบหน้าคดีที่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย เมื่อวานนี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณ กุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรียกประชุมพนักงานสอบสวน และเปิดเผยว่า คดีวัดพระธรรมกายมีคดีทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 365 คดี แบ่งเป็นการดำเนินคดี 2 พื้นที่ ในพื้นที่ สภ. คลองหลวง และ สภ.คลองห้า โดย สภ.คลองหลวง มีการรับเลขคดีทั้งหมด 218 คดี ดำเนินการสอบสวนเสร็จสิ้น 151 คดี คดีที่สอบสวนเสร็จสิ้นแล้วมีคำเห็นสั่งฟ้อง 44 คดี สั่งไม่ฟ้อง 101 คดี เกี่ยวกับคดี พ.ร.บ. อาคารส่วนใหญ่ขาดอายุความ ในส่วน สภ.คลองห้า สอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว 14 คดี มีการดำเนิน คดีที่กองปราบปรามสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว 1 คดี เหลือ 3 คดี ที่ สภ.อุ้งผาง จ.ตาก 1 คดี สอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว บก.ปทส. 19 คดี อยู่ระหว่างการสอบสวน สภ. เกาะยาว จ.พังงา จำนวน 103 คดี สอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว 4 คดี สภ.ภูเรือ จ.เลย 6 คดี สอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว 3 คดี รวมคดีวัดพระธรรมกายทั้งหมด 365 คดี สอบสวนเสร็จแล้ว 174 คดี อยู่ระหว่างการสอบสวน 191 คดี โดยฝากพนักงานสอบสวนเร่งดำเนินการอย่าให้หมดอายุความ
ส่วนคดีค้าประเวณีเด็กที่แม่ฮ่องสอน พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 แถลงผลการสืบสวนสอบสวนกรณี มีขบวนการล่อลวง และบังคับให้เด็กและเยาวชนหญิงค้าประเวณี โดยมีข้าราชการตำรวจพัวพันในการเป็นธุระจัดหา และมีการพาดพิงถึงข้าราชการเป็นผู้ซื้อบริการ ซึ่งมีการออกหมายจับกลุ่มผู้ที่เข้าไปซื้อบริการเพิ่มเติม ประมาณ 7 ถึง 8 คน โดยผู้ที่ถูกซัดทอด ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ข้าราชการครูและแม่เล้าอีก 2 ราย โดยยอมรับว่าผู้กระทำผิดส่วนใหญ่จะเป็นตำรวจ
กลุ่มองค์กรที่ทำงานด้านเด็กเยาวชน สตรี และครอบครัว เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกต่อนายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้ตรวจสอบคดีค้าประเวณีเด็ก ที่ จ.แม่ฮ่องสอน และรับเป็นคดีพิเศษ หลังคณะกรรมการตรวจสอบกระทรวงมหาดไทย ระบุผลสอบผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ส่วนการติดตามตัวนาย วรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ข้อหา ขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เปิดเผยว่ากำลังอยู่ในระหว่างการประสานงานกับทางการอังกฤษ ตามที่มีข้อมูลว่าเป็นที่หลบหนีของผู้ต้องหา ส่วนกรณีผู้ต้องหาเปลี่ยนสัญชาติ ไม่กระทบกับการดำเนินคดี ซึ่งคดีนี้มีอายุความกว่า 10 ปี อายุความจะสิ้นสุดในปี 2570
ส่วนการตั้งกรรมการสอบสวนวินัยตำรวจที่ทำคดีล่าช้าจนหลายข้อหาหมดอายุความว่า ทางพล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ซึ่งจตช.ได้สั่งการให้กองวินัย ตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยตำรวจทั้ง 10 นายแล้ว
ส่วนความคืบหน้ากรณีคานเหล็กก่อสร้างทางรถไฟฟ้าสายสีแดงช่วงถนนกำแพงเพชร 6 บริเวณหน้าโรงเรียนวัดดอนเมือง แขวงและเขตดอนเมือง กรุงเทพฯ หล่นทับคนงานเสียชีวิต 3 คน เมื่อคืนวันที่ 28 เมษายน มีการออกหมายจับผู้ต้องหาที่เข้าข่ายกระทำการโดยประมาทให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายแล้ว 3 ราย คือ นายพรชัย เบ้าทุมมา อายุ 37 ปี คนขับเครน นายรัฐกร จิตศรีพิทักษ์เลิศ อายุ 40 ปี วิศวกรผู้ควบคุมงาน และนายบุญสืบ พานคำ อายุ 48 ผู้ช่วยวิศวกรควบคุมงาน โดยนายพรชัย และนายบุญสืบ เข้ารับทราบข้อกล่าวหาและได้ประกันตัวออกไปแล้ว ส่วนวิศวกรคุมงาน คือ นายรัฐกร จะเข้ามอบตัวในวันนี้