นายกฯรับข้อเสนอแรงงาน แนะพัฒนาศักยภาพรับไทยแลนด์ 4.0 ย้ำ ไม่ต้องกลัวตกงาน

เนื่องในโอกาสวันแรงงานแห่งชาติ ปี2560 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้เดินทางมาที่ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร(ไทย-ญี่ปุ่น)ดินแดง เพื่อเป็นประธานในพิธีเปิดงานวันแรงงานแห่งชาติ  ภายใต้คำขวัญ "แรงงานรู้รักสามัคคี สดุดีจักรีวงศ์ รณรงค์เศรษฐกิจพอเพียง"  โดยพลเอกศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมข้าราชการและผู้นำแรงงานให้การต้อนรับ  จากนั้นพลเอกศิริชัย ได้แนะนำนายชินโชติ แสงสังข์ ประธานคณะกรรมการจัดงานวันแรงงานในปีนี้ พร้อมยื่นหนังสือเรียกร้อง5ข้อ คือ ขอให้รัฐบาลรับรองอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศฉบับที่ 87 และ 98 ,ขอให้รัฐบาลปฏิรูปสํานักงานประกันสังคม เช่น  ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานแก้ไขกฎกระทรวงเกี่ยวกับบัตรรับรองสิทธิ์ให้ใช้ได้ทุกโรงพยาบาล ให้รัฐมนตรีแก้ไขปรับกฎกระทรวงเกี่ยวกับลูกจ้างเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุอันเนื่องมาจากการทำงานเมื่อลูกจ้างใช้สิทธิ์กองทุนเงินทดแทนครบตามหลักเกณฑ์แล้วให้ลูกจ้างมีสิทธิ์ใช้กองทุนประกันสังคมต่อได้ ,ขอให้กระทรวงแรงงานเร่งปรับปรุงกฎหมายเพื่อการคุ้มครอง ส่งเสริม และพัฒนาคุณภาพชีวิตของแรงงานนอกระบบให้มีประสิทธิภาพสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน,ขอให้รัฐบาลสนับสนุนและผลักดันกฎหมายพัฒนารัฐวิสาหกิจให้เป็นบริษัทเอกชน หรือยกเลิกรัฐวิสาหกิจและให้รัฐบาลยกเว้นการเก็บภาษีเงินได้กรณีค่าชดเชยและเงินตอบแทนความชอบของพนักงานรัฐวิสาหกิจ รวมถึงเงินได้อื่นๆซึ่งเป็นเงินงวดสุดท้ายของลูกจ้าง,และขอให้รัฐบาลตราพระราชกฤษฎีกาการจัดเก็บเงินสะสมและเงินสมทบ เพื่อเป็นกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างตามบทบัญญัติว่าด้วยเงินกองทุนสงเคราะห์

นายกรัฐมนตรีกล่าวในโอกาสวันแรงงานแห่งชาติว่า  สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทร เทพยวรางกูร ทรงรับสั่งให้ดูแลคนไทย ให้มีความสุขยั่งยืนตามแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช  ซึ่งตั้งแต่ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐบาล ปีนี้เป็นปีที่3แล้วที่ได้มาร่วมงานวันแรงงานแห่งชาติ เพราะเห็นว่าแรงงานเป็นบุคคลสำคัญของชาติ ในการสร้างประเทศ

และวันนี้ตั้งใจมารับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอของแรงงานทั้งหมด เพราะทุกคนมีส่วนร่วมทุกกระบวนของการผลิต ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง พร้อมขอให้แรงงานทำงานเสมือนตนเป็นผู้ร่วมหุ้นส่วนเป็นเจ้าของสถานประกอบการและบริษัทต่างๆ เพื่อทุ่มเทการทำงาน ขณะเดียวกันก็ขอผู้ประกอบการเอาใจใส่แรงงานด้วย และอย่าคำนึงถึงแต่ผลประโยชน์อย่างเดียว  ทั้งนี้รัฐบาลพยายามดูแลทุกคนอย่างเท่าเทียมและไม่ได้ปล่อยปละละเลย เพราะหน้าที่ทุกรัฐบาลย่อมมีหน้าที่ดูแลประชาชนทุกอาชีพและทุกรายได้กว่า70ล้านคน และไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ตาม ถ้าไม่ดูแลประชาชนถือว่าไม่ใช่รัฐบาลของปวงชนชาวไทย ขณะที่ ตนเองก็พยายามเร่งปลดล็อกปัญหาต่างๆ เพื่อให้พ้นขีดประเทศที่มีรายได้ปานกลาง ซึ่งตนเองก็ถือว่าใช้แรงงานเช่นกัน โดยการทุ่มเททั้งร่างกายและใจในการทำงาน แม้จะใช้ร่างกายน้อยแต่ก็ใช้ใจมาก ยืนยันว่าที่พูดนั้นไม่ได้เรียกร้องความเห็นใจ แต่เพราะประเทศไทยล้วนเป็นของคนไทยทุกคน

ส่วนการพัฒนาแรงงานไทยแลนด์4.0 นายกรัฐมนตรีขออย่ามองว่า จะไม่มีงานทำ  แต่แล้วนั้นจะทำให้คนมีงานทำมากขึ้น โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ขอให้ทุกคนสบายใจ เพราะรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ และไม่เคยกลัวปัญหาหรือใครต่อต้านเพราะตั้งใจเข้าแก้ไขปัญหาอยู่แล้ว ขณะเดียวกันต่างประเทศได้ชื่นชมแรงงานไทยว่ามีประสิทธิภาพ แต่แรงงานไทยนั้น ยังไม่สามารถพูดภาษาอื่นได้เท่านั้น จึงฝากคณะทำงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันพัฒนาให้เรื่องดังกล่าว เพื่อให้แรงงานไทยสามารถเข้าถึงภาษาได้  พร้อมทั้งขอแรงงานอย่าเดินออกมาตั้งขบวนประท้วง เพราะผิดกฎหมายปล่อยไม่ได้ และขออย่าเอาประเทศกลับไปสู่ที่เดิม หรือเอาใครเข้ามายุยงปลุกปั่น เพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งทุกคนย่อมรักประเทศไทย ดังนั้นจะมาทะเลาะกันทำไม เพราะหลายประเทศก็ชื่นชมการรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ

ส่วนที่มีกระแสว่าจะยกเลิกโครงการบัตร 30 บาทรักษาทุกโรค นายกรัฐมนตรียืนยันว่าไม่เคยจะลดสวัสดิการมีแต่จะเพิ่มให้ อย่างไรก็ตามจะไม่ทำอะไรเพื่อเรียกคะแนนนิยม แต่นโยบายประชารัฐเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลที่ทำเพื่อประชาชนอยู่แล้ว  ซึ่งหลายๆคนไม่รักตนเองเพราะจุดนี้   แม้จะมีอำนาจเต็มที่ แต่ใช้จะเท่าที่จำเป็น วันนี้จึงอยากมาเปิดใจ เพราะหลายเรื่องที่ออกมาขณะนี้ เป็นเรื่องเดิมๆ  ขอให้ทุกคนเข้าใจด้วยว่าตนตั้งใจจะมาเปลี่ยนแปลงประเทศ ดังนั้นอะไรที่ดีขอให้ร่วมกันทำ ส่วนอะไรไม่ดีพร้อมรับผิดชอบ พลเอกประยุทธ์ยังยืนยันจะไม่ทำอะไรให้เสียหายด้วยตนเองเด็ดขาด แต่หากมีอะไรเสียหายก็บอกมาพร้อมลงโทษ

ภายหลังการเปิดพิธีเสร็จสิ้นนายกรัฐมนตรีได้เดินเยี่ยมชมนิทรรศการของสำนักงานประกันสังคม โดยไม่ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชน แต่ระหว่างนั้นได้มีผู้หญิงท่านหนึ่งพยายามฝ่าวงล้อมของเจ้าหน้าที่เพื่อจะเข้าไปเรียกร้องความเป็นธรรมกับนายกรัฐมนตรี ในเรื่องการซื้อขายที่อยู่อาศัย จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้มีการควบคุมตัวและเชิญ ตัวหญิงคนดังกล่าวมาเจรจา เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงต่อไป