คุมผู้ต้องหา รับโอนเงินกว่า 60ล้าน จากอดีตปธ.กรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาฯ เข้าเรือนจำ

พนักงานสอบสวนกองปราบ นำตัวน.ส.เมธวัชร์ หรือ พชกร คนมั่น อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.1034/2560 ลงวันที่ 27 เม.ย. 2560 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ครั้งแรกเป็นเวลา 12 วันตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย. - 10 พ.ค.นี้ เนื่องจากยังต้องสอบปากคำพยานอีก 7 ปาก รอผลการตรวจประวัติอาชญากร และอื่นๆ ทั้งนี้ เมื่อระหว่างปี 2553 - 2559 ผู้ต้องหา ได้รับโอนเงินจำนวน 62 ล้านบาทจากรศ.ดร.สวัสดิ์ แสงบางปลา อดีตประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ยังไม่ได้ตัวมาดำเนินคดี ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน จากการหลอกลวงเพื่อนอาจารย์ และอดีตอาจารย์มหาวิทยาลัย เพื่อร่วมลงทุนในสหกรณ์ฯลอตเตอรี่ เป็นเงินรวม 443 ล้านบาท และถูกจับกุมได้ที่ จ.เชียงใหม่ พนักงานสอบสวน แจ้งข้อหาฐานโอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด หรือกระทำด้วยประการใดๆ เพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น หรือกระทำการใดๆ เพื่อปกปิดหรืออำพรางลักษณะที่แท้จริงของการได้มา ซึ่งทรัพย์สินที่มาจากการกระทำความผิดมูลฐานความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน โดยร่วมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป และกระทำผิดฐานฟอกเงินโดยมีการสมคบกัน ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีมีอัตราโทษสูง เกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี หรือ เข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน  ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้ ทั้งนี้ ไม่มีญาติยื่นคำร้องและหลักทรัพย์ขอประกันตัว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวผู้ต้องหารายนี้ไปควบคุมไว้ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง

ก่อนหน้านี้ ตำรวจกองปราบปราม ได้เชิญตัว 2 สาวคนใกล้ชิด รศ.ดร.สวัสดิ์ คือน.ส.ภวิษย์พร ใบเกตุ อายุ 28 ปี และ น.ส.จิรัชญา คุณยศยิ่ง อายุ 32 ปี มาสอบปากคำ หลังพบความเชื่อมโยงในเส้นทางการเงินที่ทาง รศ.ดร.สวัสดิ์ได้โอนเงินให้ น.ส.ภวิษย์พร กว่า 42 ล้านบาทในเวลา 2 ปี 

ส่วนการติดตามตัว รศ.ดร.สวัสดิ์ ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงประชาชน พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป.ระบุว่า ผู้ใดที่รับโอนเงินก็ขอให้เข้ามาให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวน เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน รวมถึงรศ. ดร.สวัสดิ์ ก็ขอให้เข้ามาชี้แจงธุรกรรมและเส้นทางการเงิน ซึ่งขณะนี้ยังมีผู้ที่เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ต่อเนื่อง โดยมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 408 ล้านบาท

แฟ้มภาพ