หลังจากที่พนักงานอัยการคดีอาญากรุงเทพใต้ นัดนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส นัดฟังคำสั่งฟ้อง กรณีขับรถชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ อดีตผู้บังคับหมู่ปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2555 อีกครั้ง หลังจากเมื่อวันที่ 30 มี.ค. นายวรยุทธได้ส่งทนายร้องขอความเป็นธรรมทางคดีและอ้างว่าติดภารกิจ จึงขอเลื่อนมาพบอัยการในวันนี้ โดยเมื่อถึงเวลานัดหมาย ประมาณ 10.00 น. ไม่ปรากฏตัวของนายวรยุทธ และทนายความ มาที่สำนักงานอัยการสูงสุด กรุงเทพใต้
ก่อนหน้านี้ นายสุทธิ กิตติศุภพร อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ เปิดเผยว่า ทนายความของนายวรยุทธ ประสานขอเลื่อนโดยอ้างเหตุผลเหมือนเดิมว่า ติดภารกิจต่างประเทศ อัยการ ยืนยันว่า จะไม่ยอมให้เลื่อนรับฟังคำสั่งฟ้องได้อีกแล้ว ส่วนรายละเอียดหนังสือขอเลื่อนได้ส่งให้ อัยการสูงสุดพิจารณา และคาดว่าอัยการสูงสุดจะมีความชัดเจน เรื่องการออกหมายจับและการนำตัวนายวรยุทธมาดำเนินคดี ช่วงบ่ายนี้
เรือโทสมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงว่า อัยการสูงสุด พิจารณาการร้องขอความเป็นธรรมของผู้ต้องหา ซึ่งเป็นพยานหลักฐานใหม่ สำหรับความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ ที่ระบุว่า เป็นพยานหลักฐานใหม่ พบว่า ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานเดิม จึงให้ยุติเรื่องร้องขอความเป็นธรรมและอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ แจ้งให้พนักงานเจ้าของสำนวน ดำเนินการให้ได้ตัวผู้ต้องมาฟ้องตามคำสั่งฟ้องต่อไป
นอกจากนี้ อัยการสูงสุด กำชับไปยังอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ มอบหมายให้ทนายความมารับทราบโดยตลอด และเลื่อนมาตลอด จึงไม่มีเหตุให้เลื่อนนัดส่งตัวผู้ต้องหาอีก
ทั้งนี้ ช่วงบ่ายวานนี้ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ รายงานว่า ผู้ต้องหามอบอำนาจให้ทนายความขอเลื่อนคดีอีก อ้างเหตุจำเป็นเร่งด่วนในการเดินทางไปทำธุรกิจในประเทศต่างๆ และเมื่อพิจารณาแล้วไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี เนื่องจากขอเลื่อนหลายครั้ง ให้ผู้ต้องหามาพบพนักงานอัยการในวันนี้หากไม่มาถือว่ามีเจตนาประวิงคดี ขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาต่อไป ทั้งนี้ ทนายความผู้รับมอบอำนาจ ได้รับทราบคำสั่งแล้ว และจนถึงขณะนี้ผู้ต้องหายังไม่ได้มาพบพนักงานอัยการ และหากภายในวันนี้หมดเวลาตามราชการแล้ว สำนักงานอัยการสูงสุด ก็จะดำเนินการเพื่อส่งเรื่องให้ตำรวจขอให้ศาลออกหมายจับ กรณีที่ผู้ต้องหาอยู่ในประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถดำเนินการได้ หากผู้ต้องหาไม่ได้อยู่ในประเทศ กำหนดว่าให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดน นำตัวผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
นายอำนาจ โชติชัย อธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนต้องดูว่าผู้ต้องหาอยู่ภายในประเทศหรืออยู่ต่างประเทศ พร้อมทั้งรวบรวมพยานหลักฐานตามคำสั่งฟ้องของอัยการ หากอยู่ในอังกฤษ ไทยมีสนธิสัญญาเกี่ยวกับการส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับอังกฤษ
สำหรับ นายวรยุทธ ยังเหลือข้อหาที่อัยการจะสั่งฟ้อง คือ ไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือ และไม่แจ้งเจ้าพนักงาน ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 6 เดือน โดยคดีจะหมดอายุความเดือนกันยายนปีนี้ และขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี ยังเหลืออายุความ 10 ปี
แฟ้มภาพ