โฆษกรัฐบาล ยืนยัน ไม่มีเจตนาปกปิดการอนุมัติซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ

หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีหรือ ครม.ในวันนี้ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงถึงกรณีไม่แถลงมติครม.กรณีอนุมัติให้ ซื้อเรือดำน้ำแบบจีทูจีกับประเทศจีน ว่า เนื่องจากในการประชุมคณะรัฐมนตรีมีเรื่องให้พิจารณาเป็นจำนวนมาก จึงต้องหยิบยกเรื่องที่น่าสนใจมาแถลงต่อสื่อมวลชน ซึ่งในวันดังกล่าวสื่อมวลชนไม่ได้ถามถึงเรื่องการตัดซื้อเรือดำน้ำ ขณะที่กองทัพเรือและกระทรวงกลาโหมได้เสนอเรื่องนี้มาเป็นเอกสารมุมแดงหรือความลับจึงไม่ได้หยิบยกเรื่องนี้มาแถลง ยืนยันว่าไม่ได้ต้องการปิดยังซ่อนเร้นหรือเป็นความลับแต่อย่างใด ส่วนของเอกสารมุมแดงจะเป็นเรื่องที่เป็นความลับในระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น ภายหลังจากที่มีมติอนุมัติและรอจนกว่ามีการดำเนินการ เรื่องดังกล่าวก็จะสามารถเปิดเผยให้ประชาชนรับรู้ได้

พล.ท.สรรเสริญ ยังระบุว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้มีการอนุมัติซื้อเรือดำน้ำจากจีนแบบจีทูจีหนึ่งลำใช้งบประมาณของกองทัพเรือ 13,000 ล้านบาท ตามแผนยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศของกองทัพเรือ เพื่อป้องกันภัยคุกคามรูปแบบใหม่ และปกป้องทรัพยากรทางทะเลของประเทศ โดยการจัดซื้อดังกล่าว จะต้องมีความโปร่งใสตรวจสอบได้ขอทุกฝ่ายอย่ากังวลเพราะเป็นการใช้จ่ายจากภาษีของประชาชน

นอกจากนี้คณะรัฐมนตรียังมีมติถอดร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญาว่าด้วยการให้อำนาจในการเข้าถึงพยานหลักฐานของตำรวจ ให้ยกเลิกเป็นเอกสารมุมแดงหรือเป็นเอกสารลับ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวไปรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนตามที่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่กำหนด

สำหรับ โครงการแผนพัฒนาการเดินเรือระหว่างประเทศ แม่น้ำล้านช้าง ซึ่งเป็นมติคณะรัฐมนตรี เมื่อช่วงปลายเดือนธันวาคม 2559  ซึ่งขณะนี้มีเรือขนาดใหญ่จากประเทศจีนจอดอยู่ที่แม่น้ำดังกล่าว ในพื้นที่เชียงแสน  จังหวัดเชียงราย เพื่อดำเนินการศุลกากร และการตรวจคนเข้าเมือง เพื่อขอสำรวจพื้นที่แม่น้ำโขง ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้รัฐบาลชี้แจงกับประชาชน โดยยืนยันว่า แผนการดำเนินการดังกล่าวขณะนี้ ยังเป็นเพียงขั้นตอนการสำรวจ และศึกษาถึงข้อดีข้อเสียจากการดำเนินการ และศึกษาความเป็นไปได้เท่านั้น ยังไม่ได้มีการดำเนินการระเบิด เกาะแก่งต่าง ๆ ภายในแม่น้ำ

พล.ท.สรรเสริญ ยังขอให้ทุกคนควรเปิดใจต่อผลการศึกษาว่าจะเป็นประโยชน์อย่างไรกับประเทศต่อไปบ้าง ยังย้ำอีกว่า การดำเนินการต่าง ๆ ยังจะต้องรอผลการศึกษา และจะต้องสอบถามความคิดเห็นจากประชาชน เพื่อนำผลที่ได้เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง