การเลือกตั้งประธานาธิบดีของฝรั่งเศสรอบแรกเมื่อวานนี้ นายเอ็มมานูเอล มาคร็อง อายุ 39 ปีผู้สมัครอิสระที่มีแนวทางสายกลาง ได้คะแนนเป็นอันดับ 1 ร้อยละ 23.8 อันดับที่ 2 คือนางมารีน เลอ เปน อายุ 48 ปี ผู้นำของพรรคขวาจัด ร้อยละ 21.5 ส่วนอันดับ 3 คือนายฟรองซัวส์ ฟิญง ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน ร้อยละ 19.9 อันดับ 4 คือนายฌองลุค เมลองชอง ผู้สมัครพรรคซ้ายจัด ร้อยละ 19.6 และอันดับ 5 นายเบอนัวต์ อามง ผู้สมัครจากพรรคสังคมนิยม พรรครัฐบาล ร้อยละ 6.4 การที่ไม่มีผู้สมัครคนใดชนะขาดคือได้คะแนนเกินร้อยละ 50 ในรอบแรก ส่งผลให้สองผู้สมัครที่ได้คะแนนมากที่สุดในรอบแรกจะต้องแข่งขันอีกครั้งในรอบที่ 2 ในวันที่ 7 พฤษภาคมนี้
ทั้งนี้ สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า ระหว่างผลการนับคะแนน เกิดเหตุกลุ่มผู้ประท้วงที่ไม่พอใจผู้สมัครทั้งสองคน ปะทะกัน ตำรวจบาดเจ็บ 6 นาย ผู้ประท้วงถูกจับไป 29 คน
สำนักข่าวบีบีซี วิเคราะห์ว่า จากผลการเลือกตั้ง ทำให้ผู้นำกลุ่มสหภาพยุโรป(อียู)หลายคน รวมถึงนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิลของเยอรมนี นายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปและนางเฟเดริกา โมเกรินี หัวหน้านโยบายด้านต่างประเทศของกลุ่มอียู แสดงความยินดีกับนายมาคร็อง เนื่องจากมองว่า นโยบายของนายมาคร็อง มีแนวโน้มจะช่วยเสริมสร้างกลุ่มอียูและเศรษฐกิจแบบตลาดสังคมให้เข็มแข็งมากขึ้น พร้อมทั้งอวยพรให้นายมาคร็องชนะการเลือกตั้งในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า เนื่องจากต้องการจะให้กลุ่มอียู มีเอกภาพมากขึ้นหลังสหราชอาณาจักร ลงประชามติถอนตัวออกจากกลุ่มอียูหรือเบร็กซิตเมื่อปีที่แล้ว
ส่วนบรรดานักการเมืองของยุโรป ที่มีแนวคิดต่อต้านกลุ่มอียู รวมถึงนายกีรต์ ไวลเดอร์ส หัวหน้าพรรคปาร์ตี้ ฟอร์ ฟรีดอม (พีวีวี) พรรคการเมืองฝ่ายขวาจัดของเนเธอร์แลนด์ แสดงความยินดีกับนางเลอเปน อวยพรให้เธอชนะการเลือกตั้งในรอบที่ 2
บีบีซี ประเมินว่านายมาคร็องจะชนะในการเลือกตั้งรอบ 2 เนื่องจากหลายพรรคการเมืองประกาศจะให้การสนับสนุนแก่นายมาคร็อง แต่นายมาคร็องอาจจะต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้รับเสียงสนับสนุนส่วนใหญ่ในสภานิติบัญญัติแห่งชาติเนื่องจากเขาไม่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมืองหลักๆของฝรั่งเศส บ่งชี้ว่าเขาอาจจะต้องเจรจากับพรรคการเมืองหลักๆเพื่อช่วยให้นโยบายผ่านการอนุมัติจากสภา ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน
ทีมต่างประเทศ
CR:AFP, www.telegraph.co.BBC