*ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้เวลา08.30น.*

+++ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แสดงความเป็นห่วงสถานการณ์พายุฝนที่จะเข้าประเทศไทยว่า ขอให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยฝ่ายพลเรือน ตำรวจ และทหาร เพิ่มความระมัดระวัง ตั้งศูนย์เตือนภัย เพื่อเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำอย่างใกล้ชิดเพราะคาดว่าปีนี้มีโอกาสที่ปริมาณน้ำฝนจะต่ำกว่าปกติ ขณะนี้ปริมาณน้ำในเขื่อนทั่วประเทศเหลือเพียงร้อยละ 30 โดยเฉพาะเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เหลือน้ำที่ใช้การได้อีกเพียงร้อยละ 4 อาจจะมีปัญหาเรื่องการผลิตกระแสไฟฟ้า การปลูกข้าวจึงมีโอกาสที่ประเทศจะประสบกับภาวะความแห้งแล้ง

+++ค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ตามสกุลเงินเอเชีย แตะระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน ตามทิศทางการไหลเข้าของเงินทุนจากต่างชาติ โดยมีเงินไหลเข้าทั้งตลาดหุ้นและพันธบัตร  สกุลเงินเอเชียอ่อนค่าลงในช่วงท้ายสัปดาห์ที่แล้ว หลังเหตุเครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ตกลงในภาคตะวันออกของยูเครนเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว ซึ่งทำให้เกิดความตึงเครียดทางการเมือง ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) จะมีการดูแลในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนอยู่และคงเข้าแทรกแซงเป็นระยะๆ เพื่อไม่ให้ค่าเงินบาทแข็งค่าจนเกินไปหรือ ส่งผลกระทบต่อภาคส่งออกซึ่งในปัจจุบัน ยังไม่ฟื้นตัวดีนัก

+++นายพิสิฐ ลี้อาธรรม ประธานกรรมการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ไทยบีเอ็มเอ) กล่าวว่า มีความเป็นไปได้สูงที่เงินทุนต่างชาติจะไหลเข้าลงทุนในประเทศไทยต่อเนื่อง หากภาพการเมืองมีความชัดเจนไม่ว่าจะเป็นการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว รวมถึงการจัดตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) และรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งถ้าเรื่องเหล่านี้มีความชัดเจนและเป็นที่ยอมรับ ก็น่าจะดึงดูดเงินทุนจากต่างประเทศเข้ามาต่อเนื่อง ความคลี่คลายเหล่านี้จะทำให้ตลาดทุนโลกให้ความเชื่อมั่นกับตลาดทุนไทย ทำให้มีเงินไหลเข้ามา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเราทำสิ่งที่เรียกว่าการปฏิรูปเศรษฐกิจให้เข้มแข็งขึ้น อุดช่องโหว่การทุจริต จัดการกับปัญหานโยบายประชานิยมในอดีตที่นำมาซึ่งหนี้สินมากมายของภาครัฐได้ พวกนี้จะดึงดูดเงินต่างชาติให้เข้ามาลงทุนได้มาก

+++สำหรับเงินทุนที่ไหลเข้าประเทศไทย ถือว่าเป็นไปทิศทางเดียวกับภูมิภาค โดยได้ปัจจัยหนุนจากทั้งภายในและภายนอกประเทศ ซึ่งปัจจัยภายในเป็นเรื่องการเมืองที่มีความชัดเจนขึ้น โดยจะเห็นว่าเงินทุนต่างชาติเริ่มไหลกลับเข้าไทยตั้งแต่ต้นเดือนมิ.ย. หลังจากที่คลายความกังวลจากการยึดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)   ส่วนปัจจัยต่างประเทศ จะเห็นว่า แม้เศรษฐกิจสหรัฐยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่แต่ราคาหุ้นราคาสินทรัพย์ต่างๆ ปรับเพิ่มขึ้นทำนิวไฮ ทำให้นักลงทุนเริ่มมองหาแหล่งลงทุน อื่นๆ โดยเงินส่วนนี้ไหลกลับเข้ามาในตลาดเอเชีย รวมทั้งประเทศไทยด้วย

+++สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน มิ.ย. คาดว่าน่าจะปรับตัวดีขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 พร้อมกันนี้จะเปิดเผยยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ในช่วงเดือนเดียวกันด้วย

+++ธนาคารกสิกรไทย จะแถลงผลดำเนินงานสายงานธุรกิจลูกค้าเอสเอ็มอีครึ่งปีแรก และทิศทางครึ่งปีหลัง ต้องจับตาดูว่าสินเชื่อเอสเอ็มอีมีการขยายตัวหรือไม่ รวมทั้งปริมาณหนี้เสียเป็นอย่างไร เพราะจะเป็นดัชนีชี้วัดความแข็งแรงของเอสเอ็มอีไทย ที่คสช.ได้ยกขึ้นมาเป็นวาระแห่งชาติ

+++การกระตุ้นการท่องเที่ยวเดือนสิงหาคม วันแม่ ช่วง 9-12 ส.ค.นายยุทธชัย สุนทรรัตนเวช นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ  (สทน.) เปิดเผยว่า เตรียมร่วมมือกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และภาคเอกชน จัดงานส่งเสริมการขายด้านการท่องเที่ยว (เทรดแฟร์) ภายใต้แนวคิด "คืนความสุขให้คุณแม่" ระหว่างวันที่ 2-3 ส.ค. นี้ที่เมเจอร์ รัชโยธิน ในงานจะมีผู้ประกอบการทั้งโรงแรมและบริษัททัวร์กว่า 100 ราย จัดแพ็กเกจท่องเที่ยวมาลดราคาร้อยละ 50 และราคาโรงแรมให้ใช้ได้ทั้งช่วงไฮซีซั่น และช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (โลว์ซีซั่น)  โดยแพ็กเกจท่องเที่ยวที่มาออกร้าน ทางสมาคมตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ ของแต่ละบริษัทเป็นอย่างดี เพื่อป้องกันปัญหานักท่องเที่ยวถูกหลอกลวง

+++ นายเพ็ชร ชินบุตร ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร เปิดเผยว่า สถาบันอาหาร ได้สำรวจความนิยมอาหารไทยในต่างประเทศล่าสุดพบว่า ผู้บริโภคในยุโรป นิยมเมนูน้ำตกหมู ขณะที่ประเทศสหรัฐ นิยมเมนูน้ำตกไก่ และเนื้อ จากปีก่อน ๆ จะนิยมแกงมัสมั่นสูงที่สุด เนื่องจากผู้บริโภคชาวต่างประเทศ ต้องการอาหารไทยรสชาติใหม่ ๆ และเมนูน้ำตก มีความหอมของข้าวคั่วเป็นส่วนประกอบ และส่วนหนึ่งเป็นผลจากชาวต่างประเทศเริ่มรู้จักเครื่องเทศของไทยมากขึ้น ซึ่งทางสถาบันฯ จะเน้นการส่งเสริมให้ชาวต่างประเทศรู้จักเครื่องเทศไทย รวมทั้งเครื่องปรุงอาหารไทยให้เป็นที่นิยมมากขึ้นต่อไป หลายปีก่อนชอบต้มยำ ผัดไทย แต่เมื่อปีที่ผ่านมาต่างชอบมัสมั่น แต่ตอนนี้ชอบน้ำตก เร่งต่อยอดเมนูอาหารไทยให้หลากหลาย

+++กรณีนายอุทัย เวียงคำ หนุ่มโชคร้ายถูกแมงมุมพิษสีน้ำตาล กัดจนขาบวม ไต ตับ วาย จนต้องเข้ารับรักษาตัวที่รพ.แพร่แต่เกิดการติดเชื้อจนแพทย์มีความเห็นให้ตัดขาเพื่อไม่ให้เชื้อแพร่กระจายมากกว่านี้ แต่ญาติผู้ป่วยไม่ยินยอมให้ตัด วันนี้แพทย์จะแถลงรายละอียดอีกครั้ง ขณะที่ นายสน เวียงคำ พี่ชาย เปิดเผยว่า ให้หมอตัดที่ขาข้างขวาครึ่งขาข้างเดียวก่อน เพราะแผลเริ่มเน่า ขณะที่เจ้าตัวพอทราบข่าว ก็ตกใจมาก จึงต้องอธิบายว่าตัดเพื่อรักษาชีวิตไว้ก่อนจึงยอม

+++เหตุนายอนุสรณ์ จึงรุ่งเรือง อายุ 37 ปี ผู้ขับรถรับส่งนักเรียนอนุบาล ลืมด.ช.รณกร นาคพันธ์ หรือน้องปลื้ม อายุ 4 ขวบ นักเรียนอนุบาล 2 โรงเรียนอนุบาลพรอุดม ไว้ในรถแล้วปิดล็อกประตูรถจอดกลางแดดบริเวณหน้า สภ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช จนมารู้ตัวอีกครั้งว่าลืมเด็กไว้ในรถ แต่ก็เสียชีวิตแล้ว นายศักดิ์ระพี และนางพวงเพชร นาคพันธ์ บิดาและมารดา กล่าวว่า วันเกิดเหตุนายอนุสรณ์โทรศัพท์มาแจ้งด้วยตัวเอง โดยกล่าวขอโทษถึงความผิดและขอชดใช้ทุกอย่างที่สามารถทำได้ บทเรียนครั้งนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวของตัวเองอย่างใหญ่หลวง ขอให้เป็นบทเรียนกับผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบกับเด็กๆ กับนักเรียน ขอให้คิดว่าเด็กๆ เหล่านั้นเป็นลูกของตัวเอง ต้องมีความรอบคอบในการดูแลอย่างทั่วถึง

+++โรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ประสบความสำเร็จในการปลูกถ่ายเนื้อเยื่อกระพุ้งแก้ม ทดแทนท่อปัสสาวะในแมวที่เจ็บป่วย เป็นตัวแรกของโลก และมีการปลูกถ่ายเนื้อเยื่อกระพุ้งแก้มทดแทนท่อปัสสาวะในการรักษาสุนัขที่เจ็บป่วยเป็นครั้งแรกของโลกด้วย ส่วนที่ว่าเป็นครั้งแรกของโลกอาจจะเนื่องมาจากประเทศไทยมีการเลี้ยงสัตว์แบบปล่อย ทำให้เกิดอุบัติเหตุมากเช่นกัน ทางทีมสัตวแพทย์ของ มก. จึงได้ทดลองรักษาสัตว์ ขณะที่ต่างประเทศจะดูแลสัตว์เลี้ยงเป็นอย่างดี โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุมีน้อย