ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) มีนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช.คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธาน โดยที่ประชุมได้พิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองพ.ศ. ... ที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เป็นผู้เสนอ ซึ่ง พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาศึกษา ร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย พรรคการเมือง กล่าวว่า จากการรับฟังความเห็นของพรรคการเมือง และนักวิชาการ พบว่ามี 4 ประเด็นสำคัญ การทำให้พรรคการเมืองตั้งยาก แต่ยุบง่าย ตรงกันข้ามกับหลักประชาธิปไตยที่ควรตั้งง่ายและยุบยาก ควรให้พรรคการเมืองมีพัฒนาการตามธรรมชาติ ไม่ควรมีกติกาควบคุมมาก ทุนประเดิมและค่าบำรุงพรรคการเมือง กลายเป็นเงื่อนไขทางเศรษฐกิจ ที่กีดกันการมีส่วนร่วมของประชาชนขัดต่อระบบประชาธิปไตย สุดท้ายจะทำให้พรรคการเมืองนี้เป็นของนายทุนไม่ใช่ประชาชนองค์ประกอบของกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง มีการตัดสัดส่วนของนักการเมืองออกไป หมดสิทธิให้ความเห็นในการเสนอการใช้เงินทั้งที่เกี่ยวข้องโดยตรง และ มีบทลงโทษรุนแรงต่อผู้ดำรงตำแหน่งพรรคการเมือง ทำให้ไม่มีคนรุ่นใหม่และคนดีเล่นการเมือง อยากให้ทบทวนโทษให้สอดคล้องต่อการกระทำ
จากนั้นที่ประชุมได้เปิดให้สมาชิกอภิปราย การอภิปรายเป็นไปอย่างกว้างขวางมีทั้งเห็นด้วยตามร่างที่กรธ.เสนอ และตั้งคำถามอีกหลายประเด็น เช่น เกณฑ์จำนวนสมาชิก 5,000 คน ภายใน 1 ปี และ 10,000 คน ภายใน 4 ปี จะเป็นข้อจำกัดและปัญหา โดยเฉพาะพรรคขนาดเล็กหรือไม่ การตัดตัวแทนพรรคการเมืองออกจากองทุนพัฒนาพรรคเมือง ด้านนายมีชัย ชี้แจงว่า การกำหนดทุนประเดิม การกำหนดค่าสมาชิกไม่ใช่อิงกับการมีส่วนร่วมแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังมองไปถึงเรื่องร่วมรับผิดชอบอย่างแท้จริง เพราะสิทธิ มาควบคู่กับหน้าที่เสมอ อีกทั้งจากการสำรวจความเห็นประชาชน 78.8 % เห็นว่าควรจ่ายเงินค่าสมาชิกพรรค ส่วนบทลงโทษรุนแรงต่อผู้ดำรงตำแหน่งพรรคการเมืองนั้น ก็เป็นเรื่องนานาจิตตัง กรธ.พิจารณาแล้วลดหย่อนมาหลายมาตรา แต่หากสนช.เห็นว่า แรงไปก็สามารถปรับได้ ขณะที่การตัดตัวแทนพรรคการเมืองออกจากกองทุนพัฒนาพรรคเมือง เพราะเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน พรรคที่ไม่มีตัวแทนจะเสียเปรียบ และไม่โปร่งใส
จากนั้นที่ประชุมสนช.ลงมติเห็นชอบวาระแรกรับหลักการ ร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ด้วยคะแนน 175 ต่อ 0 งดออกเสียง 3 พร้อมตั้งคณะกมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษา 31 คน กำหนดกรอบพิจารณา 45 วัน
แฟ้มภาพ