ศาลชั้นต้นสั่งประหารชีวิตอาเธอร์ ฆ่าหั่นศพแช่แข็งเพื่อนชาวสเปน ชี้แรงจูงใจหวังเงินในบัญชีผู้เสียชีวิต ที่มีกว่าสิบล้านบาท
คดีนี้อัยการยื่นฟ้อง นายอาเธอร์ เซการา พรินเซพ หรืออาร์ตู (Mr.Segarra Princep Artur ) อายุ 38 ปี สัญชาติสเปน ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , ลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการตาย, หน่วยเหนี่ยวกักขังฯ , ลักทรัพย์
กรณีนายอาเธอร์ จำเลยได้พานายเดวิด เบอเนต โมราด ชาวสเปน ผู้เสียชีวิต เข้าไปในห้องพักที่คอนโดแห่งหนึ่ง ย่านพระราม 9 ก่อนฆ่าหั่นศพ และนำชิ้นส่วนศพทิ้งแม่น้ำเจ้าพระยา ก่อนถูกพบเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2559 จากนั้นได้หลบหนีไปพร้อมเงินของนานเดวิด ผู้เสียชีวิต จำนวน 734,940 บาท
ศาลเบิกตัว นายอาเธอร์ จำเลย มาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อฟังคำพิพากษา ซึ่งนายอาเธอร์ ถูกคุมขังมานานกว่า 1 ปี 2 เดือน นับตั้งแต่ถูกจับกุมและฝากขังเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2559 และชั้นพิจารณาคดี นายอาเธอร์ จำเลยแถลงต่อศาลให้การปฏิเสธทุกกล่าวข้อหาโดยระบุว่าได้อาศัยอยู่ในคอนโดดังกล่าวแต่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับผู้ตาย
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่าแม้คดีนี้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นขณะจำเลยกระทำความผิด แต่เมื่อพิจารณาจากพยานแวดล้อม ประกอบคำเบิกความจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่คอนโดและพื้นที่ใกล้เคียงพบภาพนายอาเธอร์ พานายเดวิด ผู้เสียชีวิตเข้าไป แต่ไม่ปรากฎภาพว่านายเดวิด ออกมาจากคอนโดดังกล่าว และยังพบภาพจากกล้องวงจรปิด และพยานเบิกความว่านายอาเธอร์ ขี่รถจักรยานยนต์บรรทุกถุงดำออกจากคอนโด จนมีผู้พบชิ้นส่วนศพในภายหลัง และยังพบหลักฐานว่านายอาเธอร์ ซื้อตู้แช่แข็ง เครื่องเจียลูกหมู และใบเลื่อยขนาดต่างๆในช่วงก่อนเกิดเหตุ ตำรวจพิสูจน์หลักฐานยัง ตรวจสอบห้องพักในคอนโด พบคราบเลือดที่ผนังห้องน้ำ มีดีเอ็นเอตรงกับนายเดวิด รวมถึงพบดีเอ็นเอในเครื่องเจียลูกหมู ซึ่งเป็นพยานหลักฐานสำคัญ ทางนิติวิทยาศาสตร์ มีความถูกต้อง แม่นยำ เชื่อถือได้
ส่วนมูลเหตุจูงใจมีเจ้าหน้าที่ธนาคาร เบิกความเชื่อมโยงกันว่าพบการโอนเงินจากบัญชีของนายเดวิด ผู้เสียชีวิตจากประเทศสิงคโปร์ เข้าบัญชีของนายอาเธอร์ จำเลย และยังมีแฟนสาวของจำเลย เบิกความว่านายอาเธอร์จำเลยให้บัตรเอทีเอ็มไปกดเงิน และจากหลักฐานแสดงว่านายเดวิด มีเงินฝากหลายสิบล้านบาทเชื่อว่าเป็นเหตุจูงใจฆ่าเพื่อเอาเงินของนายเดวิด ผู้เสียชีวิต โดยนำตัวมากักขัง บังคับเอาข้อมูลส่วนตัว รหัสธนาคาร ก่อนฆ่าโดยนำศพแช่แข็ง แล้วใช้เครื่องเจียลูกหมู และเลื่อยหั่นศพ โดยนำชิ้นส่วนไปทิ้งยังที่ต่างๆ
ศาลจึงพิพากษา ประหารชีวิตนายอาเธอร์ ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ฐานนำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นไปใช้ จำคุก 5 ปี ฐานนำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ จำคุก 10 ปี ฐานปลอมแปลงข้อมูลอีเมล์ จำคุก 4 ปี และฐานทำลาย ซ่อนเร้น อำพรางศพ จำคุก 2 ปี แต่เมื่อศาลลงโทษประหารชีวิตแล้วจึงไม่อาจรวมโทษจำคุกในข้อหาอื่นได้ พร้อมให้คืนเงินกว่า 7 แสนบาท กับญาติผู้เสียชีวิต
ขณะที่บรรยากาศในห้องพิจารณาคดีมีเจ้าหน้าที่จากกงสุลสเปน ผู้สื่อข่าวต่างประเทศเข้าร่วมฟังการพิจารณาคดี รวมถึงญาติของนายอาเธอร์ จำเลย ซึ่งภายหลังศาลพิพากษาญาติได้ร้องให้และเข้ากอดนายอาเธอร์ แต่นายอาเธอร์ กลับมีสีหน้าที่เรียบเฉย และยิ้มแย้ม
ด้านนายวรสิทธิ์ พิริยะพิบูรณ์ ทนายจำเลย ได้กล่าวว่าหลังจากนี้จะยื่นอุทธรณ์คดี ภายใน 30 วัน โดยจะขอต่อสู้ในประเด็น ฐานเจตนาฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพราะจำเลยยังยืนยัน ว่าไม่ได้ฆ่าผู้เสียชีวิตตามที่ถูกกล่าวหา
แฟ้มภาพ