รอยเตอร์รายงานอ้างรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ของสหรัฐฯและนายทอม เลมบอง ประธานคณะกรรมการประสานการลงทุนของอินโดนีเซียว่ารัฐบาลอินโดนีเซียและสหรัฐฯตกลงกันในวันนี้ว่าจะร่วมกันหามาตรการเพื่อลดอุปสรรคต่อการเข้ามาประกอบธุรกิจในอินโดนีเซียของบริษัทเอกชนสหรัฐฯ ที่ผ่านมารัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯได้ใส่อินโดนีเซียไว้ในรายชื่อ 16 ประเทศที่ได้เปรียบดุลการค้ากับสหรัฐฯและจะต้องมีทบทวนข้อตกลงด้านการค้าใหม่
นอกจากนี้ปัญหาพิพาทด้านการค้าหลายคดีระหว่างบริษัทเอกชนของอินโดนีเซียกับสหรัฐฯส่งผลกระทบต่อสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสองเช่นกัน รองประธานาธิบดีสหรัฐฯระบุว่ารัฐบาลสหรัฐฯจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลของนายโจโก วิโดโด เพื่อลดอุปสรรคด้านการค้าและการลงทุน และเปิดโอกาสให้บริษัทเอกชนทุกรายสามารถเข้าถึงตลาดอินโดนีเซียได้อย่างเท่าเทียมกันอย่างแท้จริง นายเพนซ์พูดเรื่องนี้ต่อที่ประชุมผู้บริหารธุรกิจในกรุงจาการ์ตาในวันนี้ ก่อนเดินทางต่อไปยังออสเตรเลีย เป็นประเทศสุดท้ายในการเยือนกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิค 10 วัน
นายเพนซ์ระบุว่ากำแพงด้านการลงทุนของอินโดนีเซียรวมถึงการไม่มีมาตรการคุ้มครองเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา กฏระเบียบที่ไม่โปร่งใสเท่าที่ควรและข้อกำหนดเรื่องสัดส่วนวัตถุดิบในท้องถิ่นสำหรับสินค้าที่ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ ด้านนายเลมบองกล่าวว่ารัฐบาลนายวิโดโดเองก็เห็นว่าอินโดนีเซียมีกฏระเบียบและกำแพงด้านการค้าที่มากเกินไปและเห็นว่าสิ่งเหล่านั้นส่งผลเสียต่ออุตสาหกรรมทั้งในระดับท้องถิ่นและระหว่างประเทศ ระบุว่าเขาเชื่อว่าทั้งนายวิโดโดและนายทรัมป์ ซึ่งเคยประกอบธุรกิจมานาน จะให้ความสำคัญกับปัญหาในภาคปฏิบัติ โดยเฉพาะการขจัดอุปสรรคต่อการทำธุรกิจและการลงทุนในอนาคต สำหรับการเยือนครั้งนี้ นายเพนซ์ได้เป็นสักขีพยานการลงนามบันทึกความทรงจำของบริษัทสหรัฐฯที่จะลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯในอินโดนีเซีย