+++นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึง กรณีการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าเฉลี่ย 3.50 บาทต่อหน่วย เดือนพฤษภาคมนี้ สั่งให้กรมการค้าภายในติดตามผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้า และราคาสินค้าอุปโภคบริโภค จากการปรับขึ้นของราคาพลังงานและค่าไฟฟ้า ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตและราคาสินค้าอย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เมื่อราคาพลังงาน อย่างก๊าซธรรมชาติปรับขึ้นจะส่งผลให้ค่าไฟฟ้าขึ้น จะรู้รายละเอียดภายใน 2-3 วัน คาดว่า จะส่งผลต่อต้นทุนการผลิตสินค้าระดับหนึ่ง แต่คงรอดูผลการศึกษาก่อนว่าต้นทุนสินค้าจากค่าไฟฟ้าปรับขึ้นอย่างไร
+++ภาพรวมเศรษฐกิจ นางลัษมณ อรรถาพิช เศรษฐกรอาวุโส ประจำประเทศไทย ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) เปิดเผยว่า เอดีบี คาดการณ์ว่าภาพรวมอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก สหรัฐฯ สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น จะขยายตัวได้ร้อยละ 1.9 ในปี 2560 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 1.6 และจะขยายตัวระดับเดิมที่ร้อยละ 1.9 ในปี 2561 นางลัษมณ กล่าวว่า สำหรับประเทศไทย คาดว่า จีดีพีปีนี้ จะขยายตัวร้อยละ 3.4 การส่งออก ขยายตัวร้อยละ 2 ภาคการท่องเที่ยว ยังช่วยหนุนการเติบโตเศรษฐกิจ
+++เรื่องมาตรการผ่อนปรนนั่งแค็บ ท้ายรถกระบะ บ่ายนี้ นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก จะร่วมประชุมกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีและผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เกี่ยวกับการผ่อนผันมาตรการห้ามนั่งในแค็บและกระบะท้าย แม้ภาพรวมมีความเห็นร่วมกันให้ผ่อนผันมาตรการบังคับใช้กับประชาชน แต่ในรายละเอียดการผ่อนผันยังมีมุมมองที่ต่างกัน ที่ประชุมจะหาทางออกร่วมกันในหลักการ เพื่อให้ประชาชนและผู้ใช้รถมีผลกระทบน้อยที่สุดหรือไม่มีผลกระทบยิ่งดี และที่สำคัญการออกมาตรการต่าง ๆ จะต้องได้การยอมรับจากประชาชนด้วยและนอกจากการประชุมระหว่างภาครัฐแล้ว ในอนาคตต้องประชุมหารือร่วมกับภาคเอกชน เช่น บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ รวมถึงตัวแทนผู้ใช้รถใช้ถนน เพื่อให้เกิดการแสดงความคิดเห็นอย่างรอบด้าน ก่อนที่กำหนดมาตรการใด ๆ ออกมาบังคับใช้ต่อไป
+++การปราบปรามยาเสพติด นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พร้อมด้วย พล.ต.อ. เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร. พล.ต.ท. สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. และเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่วมแถลงผลการปฏิบัติการตามยุทธการบูรณาการตัดวงจรทางการเงินเครือข่ายยาเสพติด ครั้งที่ 5/2560 เครือข่ายไอซ์ข้ามชาติ ตามแผนปฏิบัติการ "ชัยยะ สยบไพรี 60/3 ปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ 9 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ จับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายค้ายาเสพติดได้ 4 คนยึดทรัพย์สินรวมมูลค่า กว่า 70 ล้านบาท
+++พล.ต.ท.สมหมาย กล่าวว่า เครือข่ายยาเสพติดข้ามชาตินี้เป็นรายใหญ่ที่สุดของประเทศ พบเงินหมุนเวียนหลายพันล้านบาททั้งในและนอกประเทศ มีบุคคลหลายอาชีพทั้งคนไทย และต่างชาติเกี่ยวข้องกับเครือข่ายนี้ ส่วนผู้บงการรายใหญ่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เครือข่ายดังกล่าว ยังมีความเชื่อมโยงกับนาย ไซซะนะ แก้วพิมพา และนายสีสุก ดาวเฮือง สองผู้ต้องหาชาวลาวที่ถูกจับกุมได้ก่อนหน้านี้
+++ความคืบหน้าการดำเนินคดีเครือข่าย ของนายไซซะนะ พล.ต.ท.สมหมาย ยืนยันว่า มีหลักฐานแน่ชัด แล้วหลังตรวจสอบเส้นทางการเงิน มีศิลปินดาราเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายนี้แน่นอนแต่ยังเปิดเผยไม่ได้ คนพวกนี้ใช้ชีวิตสุขสบายมามากพอแล้วถึงเวลาต้องกินข้าวร้อนนอนคุกเสียที
+++ส่วนที่กองปราบปราม เช้านี้ มีการประชุมความคืบหน้าคดี น.ส.พสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือโชกุน กรรมการบริหาร บริษัท เวลท์ เอเวอร์ ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และอั้งยี่ ซ่องโจร หลังจัดทัวร์ให้สมาชิกเครือข่ายไปประเทศญี่ปุ่น แต่ปล่อยลอยแพนับพันคนที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.)จะชี้แจงเส้นทางการเงินด้วย ส่วน น.ส.โชกุน นายนิติศักดิ์ มีขวด ทนายความ กล่าวหลังเข้าเยี่ยมลูกความว่า โชกุน ขอทำใจอยู่เรือนจำก่อน ยังไม่ขอยื่นประกันตัว ขอรวบรวมข้อเท็จจริงและหลักประกันในการใช้ขอปล่อยชั่วคราว ส่วนจะยื่นขอประกันเมื่อใดจะพิจารณาอีกครั้ง
+++ส่วนอีกคดี แก๊งตุ๋นลงทุนธุรกิจทัวร์ ล่าสุด พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับ น.ส.พรรณรัตน์ จันทรมณี หรือว่าที่นาวาตรีแพทย์หญิง(น.ต.พญ.)พรรณรัตน์ จันทรมณี ในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน นอกจากนี้ ยังออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการอีก 2 คน ในข้อหาเดียวกัน หลังจากที่ เรืออากาศโทแพทย์หญิงนิจชา รุทธพิชัยรักษ์ อายุ 30 ปี พร้อมผู้เสียหายซึ่งมีอาชีพเป็นแพทย์ วิศวกร ทหาร สจ๊วต และอาจารย์มหาวิทยาลัยกว่า 10 คน เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เอาผิด ในข้อหาฉ้อโกงหลังถูกหลอกลวงให้ร่วมลงทุนในบริษัททัวร์แห่งหนึ่ง มีผู้เสียหายกว่า 38 คน รวมมูลค่าเสียหายกว่า 64 ล้านบาท อ้างว่าหากลงทุนแล้วจะได้รับผลตอบแทนสูงร้อยละ 6-18 ต่อเดือน แต่พอลงทุนจริงกลับไม่ได้รับผลตอบแทนตามกล่าวอ้าง
+++การตรวจสอบเพิ่มเติมหลังจากที่ นายนิมิตร แสงอำไพ นายด่านศุลกากรหนองคาย นพ.ชัชวาลย์ ฤทธิ์ฐิติ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) หนองคาย และ เจ้าหน้าที่ ได้ร่วมกันสอบสวนจับกุมนายนิธินนทน์ ศรีธานิยานันท์ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 114 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ พร้อมของกลางถังไนโตรเจน 1 ถัง ภายในบรรจุหลอดใส่อสุจิ 6 หลอด ของบุคคล 2 คน ซึ่งนายนิธินนทน์ อ้างว่าเป็นของคนสัญชาติจีนและเวียดนาม โดยมีเอกสารจากสถาบันการแพทย์มาแสดงด้วย นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า หากพบว่าในถังดังกล่าวเป็นตัวอ่อนของเชื้ออสุจิ จะมีโทษหนักขึ้น และกรณีนี้ถ้ามีเอเยนซี่เข้ามาเกี่ยวข้องจะมีความผิดเดียวกันด้วย โดย สบส.จะลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงเหล่านี้ว่ามีคลินิกที่เกี่ยวข้องกี่แห่ง อย่างไร และคลินิกรู้เห็นเป็นใจด้วยหรือไม่ หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2559 มีโทษจำคุก 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และจะพิจารณาว่าจะต้องปิดคลินิกชั่วคราวหรือไม่อย่างไร ขณะเดียวกัน หากมีแพทย์ไทยเข้าไปเกี่ยวข้อง หรือไปทำให้ถึงต่างประเทศด้วย จะเป็นหน้าที่ของแพทยสภาในเรื่องของจริยธรรมต่อไป
+++เบื้องต้น นายนิธินนทน์ ให้การว่า ได้รับการว่าจ้างจากนายยู ลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง ให้มารับถังไนโตรเจนที่บรรจุอสุจิ ไข่ และตัวอ่อนแช่แข็ง ที่คลินิก 4 แห่งในกรุงเทพฯ โดยสลับสับเปลี่ยนกันไป จากนั้นเดินทางข้ามแดนไปส่งที่คลินิกแห่งหนึ่ง ที่นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ทั้งนี้ทำมาตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา รวม 12 ครั้ง นอกจากนี้ยังเคยรับจ้างนำไปส่งยังกรุงพนมเปญ กัมพูชา ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง และคลินิกไม่ทราบชื่อด้วย โดยผ่านทางด่านอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ในปี 2559 รวม 13 ครั้ง แต่ละครั้งได้รับค่าจ้าง 5,000 บาท
+++นายนิมิตร กล่าวว่า การซื้อขายอสุจิ ไข่ หรือตัวอ่อนนั้นผิดศีลธรรม ไม่อยากให้เกิดกระบวนการค้าขายหรือการทำอุ้มบุญในลักษณะเช่นนี้ การจับกุมครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นในประเทศไทย โดยผ่านด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว จ.หนองคาย
+++ความคืบหน้าคดีรุมโทรมเด็กหญิง อายุ 14 ปี ในพื้นที่ อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี หลังจากมารดาได้เข้าร้องเรียนให้ช่วยคลี่คลายคดีที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2559 แต่ไม่มีความคืบหน้าและไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริง เจ้าหน้าที่ได้นำ ด.ญ. เข้าสู่ขบวนการคุ้มครองเหยื่อและดูแล เนื่องจากเป็นเหยื่อจากการค้ามนุษย์ ส่วนช่วงสายวันนี้ มารดา ผู้เสียหาย จะเข้าให้ถ้อยคำในทางลับ เพิ่มเติมต่อ พล.ต.อ. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รายงานระบุว่า ยังมีผู้ร่วมกระทำผิด อีก3-6รายยังมิได้ถูกตรวจสอบและดำเนินคดีอาญา ในความผิดที่เกี่ยวข้อง และในฐานค้ามนุษย์ และ เช็คความเชื่อมโยงเครือ ข่ายของนายธนพัตร หรือเจ๊บีม แสนคำ อายุ 31 ปี และ น.ส.สุปวีณ์สุดา หรือแก้ม ขันสาทะ อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ทางการติดต่อมือถือทั้ง ลูกค้าผู้ซื้อบริการย้อนหลังทั้งหมด
+++ขณะที่ พนักงานเจ้าหน้าที่คุ้มครองพยาน กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม จะมารับตัวแม่ผู้เสียหาย ไปอยู่ในความคุ้มครอง พยานนับแต่วันนี้ เป็นต้นไปจนกว่า สถานการณ์จะดีขึ้นตาม มาตรการคุ้มครองพยาน ส่วนเรื่องการเยียวยานี้จะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาในวันที่ 26 เมษายนนี้
+++การขยายผล เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ด่านช้าง ร่วมกับทหาร กก.สส.บก.ภ.7 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.สุพรรณบุรี เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองร่วมกันตรวจค้นร้านเกมจำนวน 14 แห่ง ตรวจสถานบริการจำนวน 6 แห่ง มีรายงานการปฏิบัติระดมกวาดล้างอาชญากรรม จับกุมผู้ต้องหาในคดียาเสพติดได้ 5 ราย และผู้ครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต 3 ราย
แฟ้มภาพ