รมว.กลาโหม ยันไทยไม่ใช่เป้าหมายก่อการร้าย/สนช.รับหลักการร่างพ.ร.บ.จัดทำยุทธศาสตร์ชาติ/สบส.ขยายผลสอบคลินิคอาจโยงซื้อขายอสุจิข้ามชาติ

+++กรณีที่หน่วยงานการท่องเที่ยวของรัสเซีย ออกแถลงการณ์เตือนนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียที่เข้ามาในประเทศไทย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม กล่าวว่า ไทยไม่ได้อยู่ในข้อขัดแย้งและเราไม่ใช่เป้าหมายของการก่อการร้าย ส่วนใหญ่เป็นเพียงทางผ่าน เเละทางเราเองก็ไม่มีช่องโหว่ ซึ่งตอนนี้ก็ดูแลอยู่ทุกอย่าง มีความระมัดระวัง เเละมีการเตรียมกำลังทุกอย่าง โดยเฉพาะในด้านการข่าวที่มีการบูรณาการทั้งหมด

+++ส่วนเหตุการณ์เตือนเรื่องนี้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า คิดว่าเป็นเหตุมาจากเหตุการณ์ระเบิด 13 จุดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะการแจ้งเตือนออกมาหลังเหตุระเบิด เเละก็เป็นเรื่องของการก่อความไม่สงบ ซึ่งตอนนี้สามารถจับกุมคนร้ายได้แล้ว 1 คน หลังจากนี้จะมีการขยายผลออกไปว่าเป็นคนของกลุ่มใดและพวกใด

+++ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาร่างพระราชบัญญัติการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ ที่คณะรัฐมนตรี เสนอ โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงหลักการและเหตุผลในร่างกฎหมายว่า เป็นร่างกฎหมายที่รัฐบาลต้องดำเนินการให้มีกฎหมายยุทธศาสตร์ชาติภายใน 120 วัน นับจากรัฐธรรมนูญประกาศใช้ จากนั้นคณะกรรมการ จะต้องจัดทำยุทธศาสตร์ชาติภายใน 1 ปี  ซึ่งการกำหนดแผนและงบประมาณต่างๆ จะต้องสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ ดังนั้น กฎหมายฉบับนี้จึงมีความสำคัญเหนือแผนทั้งหมด และมีผลผูกพันกับทุกองค์กร หากไม่ปฏิบัติตามจะมีมาตรการตั้งแต่ตักเตือนไปถึงการส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อพิจารณาลงโทษต่อไป ยืนยันว่า การกำหนดแผนยุทธศาสตร์ชาติล่วงหน้าระยะยาว 20 ปี เป็นเรื่องที่ดี ที่จะสามารถเห็นถึงแผนการพัฒนาประเทศ ทำให้สะดวกต่อการจัดทำงบประมาณ และการลงทุนของประเทศ

+++ขณะที่สมาชิกสนช.ส่วนใหญ่อภิปรายสนับสนุนร่างกฎหมายนี้ เพราะเห็นว่าจะทำให้การพัฒนาประเทศเกิดความต่อเนื่อง และมองเห็นอนาคตของประเทศในระยะยาว แต่มีการตั้งข้อสังเกตถึงสัดส่วนในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ หรือ ซุปเปอร์บอร์ด ที่มีบุคลากรจากกองทัพมากเกินไป จนเหมือนกันการทำแผนยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง

+++อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมสนช.มีมติเอกฉันท์รับหลักการร่างพระราชบัญญัติการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ ด้วยคะแนน 196 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง พร้อมตั้งกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว จำนวน 33 คน กำหนดแปรญัตติ 15 วัน กรอบเวลาการทำงาน 60 วัน

+++ตลาดหุ้นไทย มีความผันผวนในกรอบแคบๆ แม้ว่ากลุ่มแบงก์จะทยอยผลประกอบการที่ออกมาดีหลายแบงก์ โดยเฉพาะธนาคารกสิกรไทย และ สถานการณ์เกาหลีเหนือไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง นักลงทุนน่าจะลดความกังวลลง แต่ยังมีตัวแปรสำคัญอื่นๆ ในต่างประเทศ เช่น การเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษ, รอดูผลการเลือกตั้งของฝรั่งเศส ส่งผลให้ปิดตลาดที่ 1,566.28 จุด ลดลง 0.91 จุด มูลค่าการซื้อขาย 41,072.42 ล้านบาท

+++กรณีการขนย้ายหมีกลับคืนสู่ป่าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.นครราชสีมาด้วยเฮลิคอปเตอร์ ก่อนเจอสภาพอากาศแปรปรวนและนักบินตัดสินใจปลดตะขอ จนหมีตกลงมาตาย  นายวิจารย์ สิมาฉายา ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยนางชญานันท์ ภักดีจิตต์ ผอ.สำนักการบินอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ร่วมกันแถลงข่าวว่า  การเคลื่อนย้ายหมีด้วยเฮลิคอปเตอร์ดังกล่าวเป็นการดำเนินการครั้งที่ 2 ของอุทยานฯ เขาใหญ่  ในวันดังกล่าวสภาพอาการแปรปรวนจนนักบินต้องตัดสินใจสละหมี   ยืนยันว่าการที่ต้องปลดตะขอทิ้งหมีลงมาเกิดจากสภาพอากาศแปรปรวน และบินเข้าใกล้บริเวณหน้าผา มีลมพัดสอบมายังตัวเครื่อง ไม่ได้เกี่ยวกับการบรรทุกน้ำหนักเกิน เนื่องจากเฮลิคอปเตอร์สามารถรับน้ำหนักได้กว่า 2,000 กก.  อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะต้องมีผู้รับผิดชอบ กระทรวงได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง พบว่า การขนย้ายหมีดังกล่าว ไม่ได้มีการขออนุญาตจากปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ และไม่ได้รับการประสานใดๆ จากผู้ที่เกี่ยวข้อง เป็นการดำเนินการโดยหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการบินในพื้นที่เขาใหญ่

+++ขณะนี้กรมอุทยานฯ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อหาผู้รับผิดชอบว่าการเคลื่อนย้ายหมีดังกล่าวมีความจำเป็นเร่งด่วนอย่างไร เหตุใดไม่มีการขออนุญาตมายังอธิบดีกรมอุทยานฯและปลัดกระทรวง เมื่อเกิดแล้วเหตุใดจึงมีการรายงานที่ล่าช้า เมื่อผลการสอบสวนเสร็จสิ้นจึงจะรู้ว่าใครจะต้องรับผิดชอบเบื้องต้น ได้สั่งการให้สำนักการบินฯ ปรับปรุงระเบียบ การใช้เฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงใหม่ทั้งหมดและมีผลบังคับใช้ทันที เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำรอย ต่อไปนี้การขออนุญาตใช้เฮลิคอปเตอร์จะต้องมีความชัดเจนในภารกิจต่างๆ รวมทั้งคนที่จะขึ้นเฮลิคอปเตอร์จะต้องเกี่ยวข้องกับภารกิจนั้น เมื่อถามว่าจริงหรือไม่ที่ภารกิจการเคลื่อนย้ายหมีมีบุคคลภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นไปด้วย นายวิจารย์ กล่าวว่า บนเฮลิคอปเตอร์มีทั้งสิ้น 5 คน คือ นักบิน 1 คน ผู้ช่วยนักบิน 1 คน ช่างเครื่อง  1 คน ส่วนที่เหลือกำลังรอผลการสอบสวนจากกรมอุทยานฯ ว่ามีใครบ้าง ทั้งนี้เมื่อผลการสอบสวนของกรมอุทยานฯ เสร็จสิ้นจะนำมาประกอบการพิจารณา เพื่อสอบสวนทางวินัยโดยกระทรวงทรัพยากรจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนต่อไป 

+++การซื้อขายอสุจิและตัวอ่อนข้ามชาติหรือข้ามประเทศ นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เบื้องต้นผู้ถือหรือผู้หิ้ว มีความผิดตามมาตรา 41 พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ต้องตรวจสอบว่าเป็นเชื้ออสุจิจริงหรือไม่ หากพบว่า เป็นตัวอ่อนจะเจอโทษหนักขึ้น อย่างไรก็ตาม หากพบว่ามีเอเจนซี่เข้ามาเกี่ยวข้องจะมีความผิดเดียวกันด้วย นอกจากนี้ ในส่วนของ สบส. จะไปตรวจสอบข้อเท็จจริงเหล่านี้ว่า มีคลินิกที่เกี่ยวข้องกี่แห่ง อย่างไร และคลินิกรู้เห็นเป็นใจด้วยหรือไม่ หากตรวจสอบพบว่าคลินิกมีส่วนรู้เห็น ก็จะเข้าข่ายผิด 2 พ.ร.บ.ด้วยกันคือ  พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีฯ และยังผิด พ.ร.บ. สถานพยาบาลฯ มีโทษจำคุก 1 ปีหรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

+++ด้าน ทพ.อาคม ประดิษสุวรรณ ผอ.สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ สบส. กล่าวว่า จากการตรวจสอบในรายชื่อ 4 คลินิกตามที่ปรากฏเป็นข่าวพบว่ามีบางแห่งยังมีปัญหาเรื่องร้องเรียนการเกี่ยวกับการทำอุ้มบุญมาก่อนด้วย เรื่องยังอยู่ที่แพทย์สภา     

+++สำหรับข่าวว่า เอ-ไชยา มิตรชัย ลิเกชื่อดังมากความสามารถ ขวัญใจแม่ยก มีภรรยาและลูกแล้ว ล่าสุด ไชยา มิตรชัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Chaiya Mitcha ยอมรับว่า มีลูกแล้วจริงตามที่มีข่าวออกมา โดยมองว่า เป็นเรื่องธรรมดา ไม่ได้เปิดเผยมากเพราะกลัวจะเกิดความวุ่นวายกับครอบครัว และอยากอยู่กันตามปกติ จริงๆก็ไม่ได้ปิดอะไร แฟนคลับที่ใกล้ชิดติดตามกันมายาวนานเขาก็ทราบเรื่องนี้ และพบกันในงานแถลงข่าว ลิเกธรรมมะประวัติ 8พ.ค. ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย (หอเล็ก)

+++บีบีซี รายงานอ้างนายอรุณ ไจท์ลีย์ รัฐมนตรีคลังอินเดียว่ารัฐบาลอินเดียจะห้ามไม่ให้รัฐมนตรี นักการเมืองและข้าราชการระดับสูงหรือวีไอพี ติดตั้งไฟกระพริบสีแดงบนรถยนต์เพื่อเปิดทางให้รถขาแล่นผ่านไปได้อย่างสะดวกมากขึ้น สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ  มาตรการนี้จะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไปและจะใช้บังคับกับทุกคนโดยไม่มีข้อยกเว้น ภายใต้กฎระเบียบใหม่นี้ เฉพาะรถกู้ภัย รถพยาบาล รถดับเพลิงและรถตำรวจจะมีการติดตั้งไฟกระพริบสีฟ้า

+++เรื่องการติดตั้งสัญญาณไฟกระพริบสีแดง รัฐบาลท้องถิ่นและรัฐบาลกลางจะกำหนดเองต่อไปว่าใครบ้างจะสามารถใช้ไฟกระพริบสีแดง นายกรัฐมนตรีโมดี นาเรนทรา ทวีตข้อความเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าชาวอินเดียทุกคนล้วนเป็นคนพิเศษ ชาวอินเดียทุกคนล้วนเป็นบุคคลวีไอพีเหมือนกัน

แฟ้มภาพ