ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.
++วันนี้ รองนายกรัฐมนตรี พลเอกธนศักดิ์ ปฎิมาประกร จะตรวจเยี่ยม และติดตามงานด้านศิลปกรรม และงานประณีตศิลป์ ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพรัชกาลที่ 9 ที่สำนักงานช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร จ.นครปฐม
+++นายวินิจฉัย แจ่มแจ้ง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ยังมั่นใจว่านโยบายทางการค้าของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ทั้งการกีดกันทางการค้า การกำหนดระเบียบจัดซื้อจัดจ้างที่เข้มงวดมากขึ้น หรือสถานการณ์ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี จะไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยมากนัก โดยจากการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และหารือร่วมกับผู้ประกอบการด้านต่างๆ แล้ว ทำให้เชื่อว่าภาพรวมการส่งออกไทย ปีนี้ยังเป็นไปได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ปีนี้กระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งเป้าส่งออกเติบโต 5%
+++ค่าเงินนายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยภายหลังการเข้าร่วมประชุมผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน ว่ามีบางประเทศแสดงความเป็นห่วงเรื่องความผันผวนของค่าเงินในภูมิภาค โดยมองว่าสาเหตุหลักมาจากสถานการณ์การอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐเป็นหลัก ทำให้ทุกสกุลเงินในอาเซียนต่างปรับตัวแข็งค่าขึ้น ดังนั้นการแข็งค่าของสกุลเงินในอาเซียนจึงเป็นผลมาจากปัจจัยภายนอกภูมิภาคเป็นหลัก ไม่ใช่จากปัจจัยภายในของแต่ละประเทศในอาเซียนเอง และในส่วนของไทยเองยังถือว่าโชคดีที่เงินบาทไม่ได้ผันผวนรุนแรงเมื่อเทียบกับหลายสกุลเงินในภูมิภาค โดย ธปท.พร้อมที่จะเข้าไปดูแลค่าเงิน โดยยังมีอีกหลายมาตรการที่เตรียมไว้ใช้ หากพบว่าเงินทุนจากต่างชาติที่ไหลเข้ามานั้นได้สร้างผลกระทบต่อตลาดเงิน และอัตราแลกเปลี่ยนของไทย แต่การใช้มาตรการเหล่านี้คงจะไม่สามารถบอกล่วงหน้าได้
+++ นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า กรณีการบังคับใช้กฎหมายห้ามนั่งท้ายกระบะที่ได้ผ่อนผันไปในช่วงเทศกาลสงกรานต์นั้น ขณะนี้ได้เลื่อนการบังคับใช้ไปก่อน โดยในวันที่ 21 เม.ย.จะหารือร่วมกับทางตำรวจและนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายถึงแนวทางการกำหนดมาตรการต่อไป พลตำรวจตรีสมชาย เกาสำราญ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง กล่าวว่า มาตรการขนส่งท้ายกระบะในอนาคตต้องไม่เกิดผลกระทบต่อประชาชนในปัจจุบันให้สามารถใช้ได้ตามปกติ เพียงแต่ว่าทางฝ่ายรัฐต้องคำนึงความปลอดภัย ยืนยันว่าประชาชนยังสามารถบังคับคนและสิ่งของยังสามารถทำได้ต่อไปในขณะนี้ แต่โดยส่วนตัวแล้วทางตำรวจยังมองว่าการติดตั้งอุปกรณ์ส่วนควบท้ายกระบะเพื่อป้องกันความปลอดภัยก็เพียงพอแล้วโดยไม่จำเป็นต้องออกกฎหมายหรือมาตรการบังคับเพิ่มเติม
+++พล.ต.ต.กรไชย คล้ายคลึง ผบก.ปคม. เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่หาข้อมูลหลักฐานทำให้เจ้าหน้าที่มีขอมูลเพียงพอที่จะดำเนินการขอศาลอาญาอนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 2 ราย คือ น.ส.ปวีณ์สุดา ขันสาทะ หรือ แก้ม อายุ 20 ปี น้องสาวนายไก่ ผู้ต้องหา และ นายธนพัตร แสนคำ หรือ เจ๊บีม ข้อหาสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ และได้ลงมือกระทำความผิดตามที่สมคบกันไว้ โดยร่วมกันแสวงหาประโยชน์มิชอบจากการเป็นธุระจัดหาเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี เพื่อการค้าประเวณี เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี แม้เด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม หรือโดยใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้าย ใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการอื่นใด หลังศาลได้อนุมัติหมายจับ และเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัว น.ส.ปวีณ์สุดา และ นายธนพัตร ได้แล้ว และนำตัวมาสอบสวนเพิ่มเติ่มที่ บก.ปคม. lj;oเยาวชนชาย 2 ราย ที่ก่อเหตุรุมโทรม ด.ญ.เอ ที่ป่าบริเวณหาดทรายขาว เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาเสนอยังศาลเด็กและเยาวชน จ.สุพรรณบุรี เพื่อให้ศาลอนุมติหมายจับ นายธนพัตร หรือ เจ๊บีม คนในวงการนักเที่ยว อ.ด่านช้าง รู้จักกันดีว่าเป็นกะเทยที่มีพฤติการณ์คอยจัดหาเด็กสาวไปขายบริการให้กับลูกค้าทุกระดับในอำเภอด่านช้าง โดยใช้วิธีให้นกต่อไปหาเด็กหญิงตามร้านเกม และสถานบริการต่างๆ
+++ศาลแพ่งอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ที่กลุ่มญาติผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ น.ส.แพรวา (ขอสงวนนามสกุล) ขับรถยนต์ซีวิคเฉี่ยวชนรถตู้โดยสารพลิกคว่ำบนทางด่วน เมื่อคืนวันที่ 27 ธ.ค. 2553 ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์พฤติการณ์กระทำละเมิดแล้วเห็นว่าไม่ได้เกิดจาก จำเลยที่ 1 เพียงฝ่ายเดียว พฤติการณ์การขับรถของ นางนฤมล ปิตาทานัง คนขับรถตู้ที่ขับด้วยความเร็วสูง ซึ่งเป็นการประมาทเช่นเดียวกัน เมื่อข้อเท็จจริงเป็นดังนี้ การเรียกค่าเสียหายจากค่าขาดไร้อุปการะจำเลยที่ 1-3 ที่ศาลชั้นต้นกำหนดเป็นจำนวนเงินที่สูงเกินควร จึงพิจารณาลดหย่อนตามพฤติการณ์ เห็นสมควรกำหนดให้จำเลยที่ 1-3 รับผิดชอบค่าเสียหายในส่วนค่าขาดไร้อุปการะแก่โจทก์แต่ละราย 4 ใน 5 ส่วน จึงพิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยที่ 1-3 ร่วมกันชำระเงิน แก่โจทก์ที่ 1- 5 ,9-19,21- 22 ,25 -28 รวมเป็นเงิน 19,826,925 บาท โดยมีจำนวนเงินตั้งแต่ 80,000-1,440,000 บาท และให้จำเลยที่ 4 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1-3 ต่อโจทก์ที่ 5และที่ 11 ด้วย
+++หลังเกิดความโกลาหลขึ้นที่วัดศิริมงคล บ้านหนองหญ้าปล้อง อ.พังโคน จ.สกลนคร ซึ่งกำลังจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ พระครูโสภณธรรมาภิวัฒน์ หรือหลวงพ่อมหายนต์ อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอพังโคน อดีตเจ้าอาวาสวัดศิริมงคล ที่มรณภาพด้วยโรคชรา เมื่อวันที่ 27 มกราคม หลังจากตั้งศพบำเพ็ญกุศลเรื่อยมาโดยในเวลา 09.09 น. วันนี้ (19 เม.ย.) จะมีพิธีขอขมาสรีรสังขารและเคลื่อนขึ้นสู่เมรุชั่วคราว ปรากฏว่า เมื่อเปิดโลงเย็นที่บรรจุศพของพระครูโสภณธรรมา ภิวัฒน์กลับพบแต่เบาะและจีวรเปล่าได้ลากแผ่นรองที่นอนซึ่งมีผ้าจีวรคลุมร่างท่านไว้ออกมาจากโลง แต่พอเปิดจีวรที่คลุมร่างไว้ออกมาดูกลับพบมีเพียงหมอนที่วางเรียงกันทำเป็นลักษณะรูปร่างของคนนอน สร้างความตกตะลึงให้แก่ทุกคน จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พังโคน เข้ามาตรวจสอบ ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวน สภ.พังโคน และกองพิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธรจังหวัดสกลนคร ได้เข้าเก็บรอยนิ้วมือตามโลงศพที่ตั้งอยู่ภายในศาลาการเปรียญพร้อมตรวจสอบเศษกระดูกที่ถูกเผาเป็นเศษชิ้นส่วนภายในท่อซีเมนต์ ซึ่งพบขณะที่คนงานใช้รถไถปรับพื้นที่เพื่อใช้เป็นที่จอดรถรองรับผู้มาร่วมงานและดันท่อดังกล่าวไปไว้ขอบบ่อน้ำห่างไปประมาณ 15 เมตรจนท่อแตกและพบมีเศษกระดูกและขี้เถ้าอยู่ภายใน แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นกระดูกของมนุษย์หรือกระดูกสัตว์ ต้องนำไปตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์
+++ขณะเดียวกันทางวัดได้ประสานไปยังชุดนักประดาน้ำ ปักเป้าทีม จากเมตตาธรรมมูลนิธิ และสมาคมกู้ภัยสว่างพังโคน ช่วยกันลงงมน้ำ เพื่อหาร่างของหลวงพ่อมหายนต์ ซึ่งเป็นสระน้ำขนาด 5 ไร่อยู่ท้ายวัด หลังใช้เวลานานกว่า 4 ชั่วโมงก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดจึงตัดสินใจยกเลิกการค้นหา ส่วนพระครูประจักษ์สิทธิธรรม รักษาการเจ้าคณะอำเภอพังโคน ได้ร่วม ประชุมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนา จังหวัดสกลนคร คณะกรรมการวัดศิริมงคล และตัวแทนชาวบ้าน สรุปว่าจะงดพิธีพระราชทาน เพลิงศพไว้ก่อน แต่จะยังให้ประชาชนและญาติ โยมที่เดินทางมาเคารพศพได้บำเพ็ญกุศลศพทอดผ้าไตรบังสุกุลบนโลงศพแทน ซึ่งถือเป็นพลังศรัทธาที่ไม่อาจจะงดกิจกรรมได้ และปรับเปลี่ยนวันที่ 22 และ 23 เมษายน จะเป็นพิธี ทำบุญอุทิศส่วนกุศลแด่พระครูโสภณธรรมาภิวัฒน์แทนพิธีพระราชทานเพลิง ส่วนในเรื่องของคดีขอให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ส่วนสาเหตุของการเคลื่อนย้ายศพไปไหนยังคงเป็นปริศนาเพราะยังไม่สามารถจับต้นชนปลายได้
+++ขับรถเฉี่ยว กระโดดกัดหู นางศรุตยา งามโสภา อายุ 27 ปี เดินทางเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ว่า นายธานินทร์ คล้ายวิเชียร อายุ 43 ปี สามี ถูกทำร้ายร่างกายและใบหูซ้ายถูกกันจนขาด เหตุเกิดภายในซอยหมู่บ้านทรัพย์ทรัพย์บุญชัย 38 บริเวณทางโค้งร้านอาหารนับดาว ต.บางเมืองใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการนางศรุตยา ส่วนชายคนที่กัดใบหูแฟนตนจนขาด คือ นายเหลือง นนท์พละ อายุ 49 ปี ชาวบ้านจึงได้รีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ และมูลนิธิได้ช่วยนำส่ง นายเหลือง ส่งรักษาที่ รพ.เปาโลสมุทรปราการ ส่วนสามีตนนำส่งรักษาที่ รพ.สมุทรปราการ เบื้องต้นยังไม่สามารถสอบปากคำผู้บาดเจ็บทั้งสอง เนื่องจากยังนอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล หลังจากอาการดีขึ้น จะเรียกผู้บาดเจ็บทั้งสองมาทำการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
++++กรณีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ รับหมีควายป่วยมารักษา เมื่อหายป่วยจึงนำคืนสู่ป่าโดยใช้เฮลิคอปเตอร์ แต่หมีตกจากเฮลิคอปเตอร์ตายกลางป่า ต่อมามีผลการสอบจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมออกมาว่า ระหว่างที่ลำเลียงเครื่องบิน บินผ่านหน้าผา เครื่องบินแรงตก นักบินจำต้องตัดสินใจปลดเชือกหมีที่ห้อยอยู่ด้านล่างทิ้งไป จนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาว่า ทำไมจึงปล่อยให้เอาคนที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งทำให้น้ำหนักบนเฮลิคอปเตอร์มากเกินไปนั้น นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า ข่าวที่ออกมานั้น ค่อนข้างเห็นใจนักบิน เพราะเขาอาจจะเสียกำลังใจในการปฏิบัติงานได้ ในส่วนตัวแล้ว ผมอยากให้กำลังใจนักบิน เพราะในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น การตัดสินใจของนักบินถือว่าสำคัญที่สุด สำหรับ ข้อมูลประกอบอื่นๆ เช่น การขออนุญาตใช้เฮลิคอปเตอร์ หรือใครที่สามารถขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์ได้บ้าง ต้องรอดูผลการสอบสวน ซึ่งน่าจะออกมาเรียบร้อยภายในเดือนนี้