*มติปปช. ไม่ตอบโต้ ยิ่งลักษณ์ รับเรียกค่าเสียหายทุจริตจำนำข้่าว 5 แสนลบ. /ไร่ส้ม สอบพยานเพิ่ม 3ปาก*

การชี้มูลความผิดทางอาญากับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีโครงการรับจำนำข้าว หลังนางสาวยิ่งลักษณ์ ออกมาแสดงความเห็นไม่เห็นด้วยกับมติของป.ป.ชนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ขณะนี้ การทำงานของคณะกรรมการป.ป.ช.ถือว่าสิ้นสุดลงแล้ว จากนี้เป็นเรื่องของอัยการสูงสุด และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งคณะกรรมการได้มีมติว่าจะไม่ตอบโต้คำพูดของนางสาวยิ่งลักษณ์  

ขั้นตอนหลังจากนี้คณะกรรมการป.ป.ช.ทั้ง7คน จะต้องรับรองมติการประชุม จากนั้นจะมีการปรับสำนวนคำร้องและส่งให้คณะกรรมการป.ป.ช.ลงชื่อเพื่อนำเอกสารส่งให้อัยการสูงสุดต่อไป คาดว่า ภายในสัปดาห์หน้าจะสามารถส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดเสร็จสิ้น และหากอัยการสูงสุด พิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้วเห็นว่า ยังมีข้อไม่สมบูรณ์ ตามกฏหมายจะต้องตั้งคณะทำงานร่วม ระหว่างคณะกรรมการป.ป.ช. กับอัยการสูงสุด และหากพิจารณาร่วมแล้ว อัยการสูงสุดไม่ส่งฟ้องเรื่องดังกล่าว คณะกรรมการป.ป.ช.จะต้องนำกลับมาพิจารณาว่าจะส่งฟ้องเองหรือไม่ หากมีมติส่งฟ้องเองก็จะต้องตั้งทีมทนายเพื่อดำเนินการ

ส่วนการฟ้องร้องค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวกว่า5แสนล้านบาท นายสรรเสริญ ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม เนื่องจากเรื่องนี้อยู่ในสำนวนคดีที่ปปช.ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดแล้ว อยู่ที่ว่าอัยการสูงสุดจะส่งฟ้องและเรียกค่าเสียหายคืนหรือไม่

ส่วนความคืบหน้าคดีที่คณะกรรมการป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด จนท.บริษัท อสมท.ฐานไม่รายงานการโฆษณาเกินเวลาของบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ซึ่งหลังจากที่ คณะกรรมการป.ป.ช.ได้ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดดำเนินคดี พบว่ายังมีข้อมูลไม่สมบูรณ์ ทำให้มีการแต่งตั้งคณะทำงานร่วม และมีข้อตกลงในเบื้องต้นว่าจะเรียกไต่สวนพยานบุคคลเพิ่มเติม3ราย คาดว่าการสอบสวนจะเสร็จสิ้นในวันที่25กรกฎาคมนี้ จากนั้นคณะทำงานร่วม2ฝ่ายจะพิจารณาว่าจะส่งสำนวนดังกล่าวฟ้องศาลต่อไปหรือไม่