สหรัฐเสริมกองเรือบรรทุกเครื่องบินมุ่งหน้าคาบสมุทรเกาหลี/กอร์บาชอฟเตือนสงครามเย็นรอบใหม่/สหราชอณาจักร เลือกตั้งใหม่ 8 มิ.ย.

ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.

+++สหรัฐฯสั่งการกองเรือบรรทุกเครื่องบินมุ่งหน้าสู่คาบสมุทรเกาหลีเพิ่มเติมอีก 2 กองเรือในวันอังคาร(18เม.ย.) ท่ามกลางความตึงเครียดที่พุ่งสูงในภูมิภาค กองเรือดังกล่าวจะถูกเข้าไปเสริมกองเรือโจมตียูเอสเอส.คาร์ล วินสัน ที่มุ่งตรงไปยังพื้นที่ดังกล่าวแล้ว โดยเพนตากอนจะส่งกองเรือบรรทุกเครืองบินยูเอสเอส โรนัลด์ เรแกนและยูเอสเอส นิมิตส์ ไปยังทะเลญี่ปุ่น ส่วนหนึ่งของการสำแดงแสนยานุภาพ หลังจากเกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธสหรัฐฯอาจเลือกใช้ปฏิบัติการสกัดกั้นขีปนาวุธโดยระบบต่อต้านขีปนาวุธเอจิส ซึ่งติดตั้งอยู่บนเรือพิฆาต และกองเรือบรรทุกเครื่องบินวินสัน ก็มีระบบต่อต้านขีปนาวุธดังกล่าวด้วย  ตามรายงานของสำนักข่าวพราฟดาและสื่อมวลชนอื่นๆของรัสเซีย ระบุว่าเกาหลีเหนือมีกำหนดทดสอบขีปนาวุธอีกครั้งในวันที่ 25 เมษายน ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่กองเรือวินสัน ล่องไปถึงทะเลญี่ปุ่นพอดี ดูเหมือนเกาหลีเหนือไม่ได้หวั่นเกรงใดๆ โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเปียงยางออกมาตอบโต้ว่าคำกล่าวหาของสหรัฐฯได้นำพาประเทศต่างๆเข้าสู่สงครามเทอร์โมนิวเคลียร์และประกาศจะดำเนินการทดสอบขีปนาวุธอีกได้ทุกเวลา แบบรายสัปดาห์ รายเดือนหรือรายปี

+++มิคาอิล กอร์บาชอฟ ผู้นำคนสุดท้ายของอดีตสหภาพโซเวียต เตือนว่าโลกกำลังมุ่งหน้าสู่สงครามเย็นครั้งใหม่ ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับตะวันตกที่สาหัสขึ้นทุกขณะ ด้วยสหรัฐและรัสเซียเข้าสู่การแข่งขันด้านอาวุธเต็มพิกัดแล้วอดีตผู้นำโซเวียตวัย 86 ปี ซึ่งได้รับรางวัลโนเบลสันติภาพจากบทบาทของเขาในการยุบสหภาพโซเวียต กล่าวหาสหรัฐฯและพันธมิตรกำลังถอยห่างจากข้อตกลงสันติภาพด้านอาวุธนิวเคลียร์และประเด็นแก่นกลางอื่นๆ "ภาษาของพวกนักการเมืองและบุคลากรระดับสูงของกองทัพเริ่มเป็นภาษาทางทหารมากขึ้น" ขณะให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์บิลด์ของเยอรมนี "ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ชาติมหาอำนาจกำลังเลวร้ายลงเรื่อยๆ มันก่อภาพฝังใจว่าโลกกำลังเตรียมพร้อมสำหรับสงคราม ทั้งหมดบ่งชี้ถึงสงครามเย็น" กอร์บาชอฟ เห็นด้วยกับมุมมองของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่บอกว่าพันธมิตรนาโต้นั้น "ล้าสมัย" และเรียกร้องใช้การเมืองแทนการทหารสำหรับช่วยปรับปรุงปรุงความสัมพันธ์และส่งเสริมสันติภาพ       

+++ซีเอ็นเอ็นรายงานแถลงการณ์จากถนนดาวนิ่งสตรีท กรุงลอนดอน รัฐบาลสหราชอาณาจักรว่านายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์สร้างความประหลาดใจให้กับวงการเมืองของสหราชอาณาจักรโดยการแถลงว่าเธอจะยุบสภาเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปก่อนกำหนด ระบุว่านางเมย์อยู่ระหว่างการเริ่มตอนเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 8 มิถุนายนนี้ หรือหลังการบริหารประเทศได้ไม่ถึงครึ่งทางตามวาระ 5 ปีของรัฐบาลชุดปัจจุบันนางเมย์กล่าวว่าอาณัติใหม่จากประชาชนจะช่วยทำให้รัฐบาลมีอำนาจต่อรองที่สูงขึ้นในการเจรจาถอนตัวออกจากกลุ่มอียู หลังเกิดความแตกแยกในรัฐสภา เธอเรียกร้องให้ประชาชนสนับสนุนพรรคอนุรักษ์นิยม พรรครัฐบาลต่อไป นางเมย์ยืนยันว่าเธอจะเสนอญัตติเรื่องนี้ต่อที่ประชุมรัฐสภาในวันพรุ่งนี้ ภายใต้กฎหมายที่เสนอโดยอดีตนายกรัฐมนตรีคาเมรอน การยุบสภาเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งก่อนกำหนดจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อสส.อย่างน้อย 2 ใน 3 ให้ความเห็นชอบ น่าสังเกตว่าการยุบสภาครั้งนี้มีขึ้นในช่วงที่พรรคแรงงาน พรรคแกนนำฝ่ายค้านมีคะแนนนิยมตกต่ำ คือคะแนนนิยมของพรรคอนุรักษ์นิยมสูงกว่าพรรคแรงงานสองเท่าและคะแนนนิยมของนางเมย์มีมากกว่านายเจเรมี คอร์บิน ผู้นำพรรคแรงงาน กว่า 3 เท่า การยุบสภาครั้งนี้จึงอาจจะส่งผลให้พรรคอนุรักษ์นิยมได้ที่นั่งสส.เพิ่มขึ้นและจะทำให้นางเมย์มีอาณัติเพิ่มขึ้นอย่างที่เธอต้องการ

++++นายแมทเทียส เฟคล์ รัฐมนตรีความมั่นคงภายในของฝรั่งเศสว่าตำรวจฝรั่งเศสจับกุมชาย 2 คนฐานต้องสงสัยวางแผนก่อเหตุโจมตีในเร็วๆนี้ ซึ่งทางการฝรั่งเศสระบุว่าการจับกุมมีขึ้นไม่กี่วันก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสในรอบแรกในวันอาทิตย์ที่ 23 เมษายนนี้ ชายดังกล่าวอายุ 23 และ 29 ปีถูกนำเข้ายังห้องขังแห่งหนึ่งในเมืองมาร์แซย์ทางภาคใต้ของประเทศ รัฐมนตรีความมั่นคงภายในฝรั่งเศสระบุว่าชายทั้งสองคนเป็นคนหัวรุนแรงประสงค์จะก่อเหตุรุนแรงขึ้นในฝรั่งเศสในอีก 2-3 วันข้างหน้า แต่เขาไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเรื่องนี้มากนักฝรั่งเศสยังคงเฝ้าระวังในระดับสูงมานับตั้งแต่เกิดเหตุก่อการร้ายมาหลายครั้งที่เริ่มขึ้นเมื่อปี 2558 มีคนเสียชีวิตกว่า 230 ศพ ขณะเดียวกันผลสำรวจความเห็นของโพลล์หลายสำนักระบุว่าในขณะนี้ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงส่วนใหญ่รู้สึกกังวลในเรื่องการว่างงานและกำลังซื้อของพวกเขามากกว่าเรื่องก่อการร้ายและความมั่นคงของประเทศ แต่นักวิเคราะห์ระบุว่าความหวั่นวิตกเช่นนี้อาจจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในกรณีเกิดเหตุโจมตีถึงขั้นมีคนบาดเจ็บเสียชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง

+++ราคาน้ำมันขยับลงต่อเนื่องในวันอังคาร(18เม.ย.) คาดกำลังผลิตสหรัฐฯรายเดือนแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 24 เซนต์ ปิดที่ 52.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 47 เซนต์ ปิดที่ 54.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล   ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 113.64 จุด  ปิดที่ 20,523.28 จุด  ขณะเดียวกันยังมีแรงเทขายจากความไม่แน่นอนทางการเมืองในฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักร เช่นเดียวกับความระหว่างสหรัฐฯกับเกาหลีเหนือ ซึ่งปัจจัยนี้เองผลักให้นักลงทุนหันถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำและดันราคาทองคำปิดบวกโดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 2.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,294.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์

+++นายกรัฐมนตรีมัลคอม เทิร์นบูลของออสเตรเลียว่า รัฐบาลออสเตรเลียจะเข้มงวดให้มากขึ้นในการออกวีซ่าให้กับแรงงานมีฝีมือจากต่างแดน ที่สำคัญคือมาตรการใหม่นี้จะกำหนดเกณ์ที่เข้มงวดกว่าเดิมคือแรงงานต่างชาติจะต้องมีทักษะสื่อสารภาษาอังกฤษ ผ่านการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมและการทดสอบจากตลาดแรงงานที่เป็นผู้ว่าจ้างผู้นำออสเตรเลียกล่าวว่าผู้ใช้วีซ่าในโครงการ 457 สามารถใช้วีซ่านั้นได้จนกว่าวีซ่าดังกล่าวจะหมดอายุ แต่ภายใต้โครงการวีซ่าใหม่นี้ รัฐบาลจะลดจำนวนรายชื่อสาขาอาชีพที่ชาวต่างชาติจะสามารถทำเรื่องขอวีซ่าทำงานในออสเตรเลียลงกว่า 200 ตำแหน่งจากปัจจุบัน 650 ตำแหน่ง โดยโครงการใหม่นี้จะให้ความสำคัญในการจ้างแรงงานชาวออสเตรเลียมาเป็นอันดันแรก จากสถิติของรัฐบาล มีแรงงานต่างชาติ 95,758 คนอาศัยอยู่ในออสเตรเลียได้รับวีซ่าทำงานในโครงการวีซ่า 457 เมื่อปีที่แล้ว นับว่าเป็นสัดส่วนที่สูงมาก ในจำนวนนี้มาจากอินเดียมากที่สุด ร้อยละ 24.6 รองลงมาคือสหราชอาณาจักร ร้อยละ 19.5 และอันดับสามคือประเทศจีน ร้อยละ 5.8