กรณีมีการเปลี่ยนหมุดคณะราษฎรที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ไม่ทราบว่ามีการปรับเปลี่ยนไปเมื่อใด และไม่มีการแจ้งว่าจะมีการเปลี่ยนหมุด ส่วนการตามหากลับคืนมานั้น เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะสามารถนำกลับมาได้หรือไม่ และรัฐบาลก็ไม่สามารถสั่งการอะไรได้ ซึ่งส่วนตัวมองว่าเรื่องนี้ไม่ได้ใช่เรื่องสำคัญ เพราะไม่เกี่ยวกับการปากท้องของประชาชน
ส่วนกรณีที่ทางเจ้าหน้าที่ทหารเข้ารวบตัวนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคม ประธานองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ที่เดินทางไปยื่นเรื่องร้องเรียน ให้นายกรัฐมนตรีตรวจสอบกรณีนี้ พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ไม่ทราบเรื่อง แต่มองว่าเรื่องใดที่จะก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ก็ไม่สมควรทำ เพราะประเทศกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน
ส่วนกระแสข่าวว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีในช่วงนี้ โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจ พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ไม่ทราบ และนายกรัฐมนตรีไม่ได้มาหารือเรื่องนี้ ซึ่งมองว่า ทีมงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล สามารถทำงานได้ดี ไม่ได้ทำเรื่องใดที่เสียหาย ตัวเลขภาพรวมเศรษฐกิจยังดี ส่วนการทำงานของคณะรัฐมนตรีจะเต็มที่หรือไม่ ขอให้ประชาชนเป็นผู้พิจารณาเอง
ด้านมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ในช่วง 7 วันอันตรายช่วงเทศกาลสงกรานต์ รัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญกับตัวเลขมากนัก แต่มุ่งเน้นการลดผู้เสียชีวิตเป็นศูนย์ ซึ่งแม้ในปีนี้จะลดน้อยลง แต่ก็ยังเกิดการสูญเสียขึ้น แม้จะใช้กำลังเจ้าหน้าที่ดูแลกว่า 200,000 นาย เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ จากนี้จึงต้องบูรณาการร่วมกับทุกหน่วยงานเพื่อนำผลการดำเนินการมาประเมินไปพิจารณาอีกครั้ง ว่ามีเรื่องใดที่ต้องปรับแก้ไขบ้าง ซึ่งจากข้อมูลพบว่า สาเหตุเกิดจากเมาสุราและขับรถเร็วกว่ากำหนด โดยจะมีการประชุมกันอีกครั้ง ส่วนการที่ตัวเองเดินทางไปต่างประเทศ ช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์นั้น พล.อ.ประวิตร ระบุว่า เป็นการลางาน ไปทำธุระส่วนตัว ไม่จำเป็นต้องแจ้งใคร และไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียดว่าเดินทางไปประเทศใด แต่ยืนยันไม่ได้ทำให้ประเทศชาติได้รับความเสียหายอย่างแน่นอน