ทนายความพาครอบครัวผู้เสียหายคดีรุมโทรมเข้าร้องเรียน รองผบ.ตร. เร่งรัดคดี

18 เมษายน 2560, 13:35น.


จากคดีรุมโทรมเยาวชนหญิงอายุ 14 ปี ในร้านเกมเหตุเกิดที่สถานีตำรวจภูธรด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2559 ซึ่งจนถึงปัจจุบันการดำเนินคดีผู้ต้องหาไม่มีความคืบหน้า นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายความ และ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลาย ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นำครอบครัวของผู้เสียหายเข้าพบพลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อมอบหลักฐานและให้ปากคำ เพื่อเร่งรัดคดี รวมทั้งดำเนินคดีกับผู้ร่วมก่อเหตุทุกคน โดยหลักฐานประกอบด้วยภาพคลิปวีดีโอที่แสดงการต่อสู้ขัดขืนขณะเกิดเหตุ ประวัติการเรียนของผู้เสียหาย ที่มีผลการเรียนดีมาโดยตลอด รวมทั้งข้อความข่มขู่จากบุคคลที่คาดว่าจะเกี่ยวข้องกับผู้ก่อเหตุ



นายสงกานต์ เปิดเผยว่า จากพยานหลักฐานเชื่อได้ว่าผู้เสียหายถูกกระทำชำเราเนื่องจากมีร่องรอยบาดแผลและผู้เสียหายต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลนานกว่า 3 สัปดาห์ และมีอาการหวาดผวาไม่ยอมพูดคุยกับใคร ซึ่งจะมีการประสานผู้เชี่ยวชาญในการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ทราบดีเอ็นเอของผู้กระทำความผิดทั้งหมด และในวันนี้จะไปสอบปากคำผู้เสียหายที่บ้านเกร็ดตระการ จังหวัดนนทบุรี โดยจะมีตน, พนักงานสอบสวนจากกองบังคับการปราบปราม, พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี, นักจิตวิทยา เข้าร่วมสอบปากคำ และในวันที่ 20 เมษายนนี้ จะเข้าพบนายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ในช่วงเวลาประมาณ 13.00 น. ด้วย



นายสงกรานต์ ระบุว่า คดีนี้จะเข้าข่ายผู้อิทธิพล เนื่องจากบิดาของนายประมวล ขันซาทะ หรือไก่ อายุ 22 ปี ผู้ต้องหา เป็นอดีตนายตำรวจ ระดับสารวัตรสอบสวนที่เกษียณอายุก่อนราชการ และมีพฤติกรรมข่มขู่ผู้เสียหาย



ขณะที่แม่ของผู้เสียหาย เล่าว่า หลังพบตัวลูกสาว ซึ่งเป็นผู้เสียหาย ก็พาไปแจ้งความกับตำรวจ แต่ตำรวจไม่รับแจ้งความ ระบุว่าเป็นการพรากผู้เยาว์ และพยายามให้มีการไกล่เกลี่ยด้วยการแนะนำให้เรียกค่าเสียหายจากผู้ก่อเหตุ ตนจึงเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 8 แสนบาท แต่ผู้ก่อเหตุไม่ยอม จึงลดเหลือ 5 แสนบาท แต่นายไก่ซึ่งเป็นผู้ต้องหาเพียงคนเดียว อ้างว่ามีเงินไม่พอตำรวจจึงดำเนินคดี ซึ่งในคืนนั้นตนเองกับลูกสาวต้องค้างคืนอยู่ที่สถานีตำรวจจนเช้าวันรุ่งขึ้นจึงพาลูกสาวไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลด่านช้าง แต่ฝ่ายผู้ก่อเหตุก็ยังคงพยายามขัดขวาง อ้างว่าจะแสดงความรับผิดชอบเพื่อให้ครอบครัวไม่แจ้งความดำเนินคดี



ด้านน้าสาวของผู้เสียหาย เล่าว่า หลานสาวออกจากบ้านไปตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน 2559 โดยบอกว่าจะไปทำกิจกรรมที่โรงเรียน แต่พอวันรุ่งขึ้นยังไม่กลับบ้าน จึงไปแจ้งความคนหายที่ สถานีตำรวจภูธรด่านช้าง หลังจากนั้นก็มีเด็กมาบอกมารดาผู้เสียหายว่า ผู้เสียหายถูกข่มขืน และนายต่อได้เข้าเหลือพาไปร้านสนุ๊กเกอร์ ที่อยู่ไม่ห่างจากร้านเกมที่เกิดเหตุ จากนั้นครอบครัวจึงไปรับตัวหลานสาวกลับมา โดยพบว่าหลานสาวไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ มีร่องรอยถูกทำร้ายร่างกาย จึงพาเข้าแจ้งความ โดยหลานสาวระบุว่า มีคนนำน้ำอัดลมมาให้ดื่ม จากนั้นก็ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ แต่มีสติตลอด และได้ถูกรุมข่มขืนจากชายกว่า 10 คน เมื่อไปแจ้งความตำรวจก็ให้ไกล่เกลี่ย และรับแจ้งความคดีพรากผู้เยาว์ กับนายไก่เพียงคนเดียว เนื่องจากตำรวจเชื่อว่าหลานสาวตนสมยอม จึงเรียกไป 8 แสน แต่ไม่ได้เงินค่าเสียหาย อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ต่อให้ในวันนั้นจะได้เงิน 8 แสนบาท ก็จะดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุทั้งหมดเช่นเดิม  ซึ่งหลังจากแจ้งความแล้วก็พาหลานไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล แต่ผู้ก่อเหตุพยายามที่จะแสดงความรับผิดชอบด้วยการแต่งงาน แต่ครอบครัวไม่ยินยอม เพราะทราบมาว่า มีความพยายามจะพาหลานไปค้าประเวณีกับชายอายุ 75 ปีคนหนึ่ง นอกจากนี้ หลังจากที่แจ้งความแล้ว ทุกคนในครอบครัวก็ถูกข่มขู่มาโดยตลอดทั้งการโทรศัพท์รบกวน และมีขับรถมาวนแถวบ้าน ซึ่งได้เข้าแจ้งความหลายครั้งแล้วแต่ตำรวจไม่รับแจ้งความ



 ...



ผสข.สมจิตร์ พูลสุข 

ข่าวทั้งหมด

X