เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก ยังเข้มงวดรถโดยสารสาธารณะทุกประเภท หลังปชช.เดินทางเข้ากรุงที่สถานีขนส่งเอกมัย

การลงพื้นที่ตรวจรถโดยสารสาธารณะของกรมการขนส่งทางบกในวันนี้ มีเจ้าหน้าที่ 10 นาย ร่วมลงตรวจบริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารขนส่งกรุงเทพ (เอกมัย)  นายชูศักดิ์ ตนะวีรกุล เจ้าพนักขนส่งชำนาญงาน หัวหน้าชุดตรวจที่ 16 กล่าวว่า การตรวจรถโดยสารสาธารณะของเจ้าหน้าที่ในวันนี้ เน้นตรวจรถตู้โดยสารสาธารณะและรถบัสที่วิ่งออกไปทางจังหวัดภาคตะวันออก ตามนโยบายของรัฐบาลในการคุมเข้มรถที่วิ่งรับส่งผู้โดยสารเข้าออกต่างจังหวัด ในโครงการปลอดภัยทุกชีวิต ขับรถเป็นมิตรผู้ร่วมทาง โดยในจุดด้านหน้าสถานีขนส่งพนักงานขับรถทุกคน จะต้องนำเอกสารประจำตัวมาให้เจ้าหน้าที่ พร้อมตรวจสอบสภาพรถและร่างกายพนักงานขับรถ ตามรายการที่ระบุในเอกสารอย่างละเอียด ก่อนจะออกเดินทาง โดยเจ้าหน้าที่จากกรมการขนส่งทางบก จะตรวจสอบสภาพรถ เช่น ตัวรถต้องมีสภาพสมบูรณ์ มีอุปกรณ์ภายในรถครบถ้วน ไม่ชำรุดเสียหาย ส่วนความพร้อมด้านสภาพร่างกายของพนักงานขับรถ ต้องพักผ่อนอย่างเพียงพอ ไม่ขับรถเกินวันละ 600 กิโลเมตร ซึ่งเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบกจะสอบถามจุดที่ได้พักรถ ชั่วโมงการพักผ่อน และพูดคุยเพื่อดูพฤติกรรมของพนักงานขับรถ

นอกจากนี้ยังกำชับให้ผู้โดยสารคาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่งด้วย โดยตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย. ที่เริ่มตรวจจนถึงวันนี้ พบผู้กระทำความผิด 1 ราย คือ ไฟเลี้ยวชำรุด ถือว่าไม่มีสภาพพร้อมใช้งาน จึงได้ถ่ายผู้โดยสารออก และให้นำรถไปซ่อมแซมก่อนจะให้บริการอีกครั้ง นอกจากนี้ยังกำชับเรื่องการบรรทุกผู้โดยสารที่รถตู้โดยสารสาธารณะห้ามบรรทุกผู้โดยสารรวมคนขับ ไม่เกิน 13 คน ซึ่งจะต้องถอดเบาะด้านหลังสุด จากปกติที่เคยนั่งได้ 4 คน ให้เหลือ 3 คน แล้วเปิดเป็นช่องทางออกฉุกเฉิน ทั้งนี้ หากพบมีการบรรทุกผู้โดยสารเกิน 13 คน มีความผิดเปรียบเทียบปรับ 500 บาท หรือหากพบการบรรทุกผู้โดยสารที่มากกว่า 14 คน เข้าข่ายจงใจกระทำความผิด จะถูกเปรียบเทียบปรับ 5,000 บาท อย่างไรก็ตามในจุดสถานีขนส่งผู้โดยสารเอกมัย ก็ยังไม่พบการบรรทุกผู้โดยสารเกินอัตรากำหนด

สำหรับการให้บริการประชาชนในวันช่วงเทศกาลสงกรานต์ นายนิวัต อุดมสุข หัวหน้างานบริหารกิจการเดินรถเอกมัย กล่าวว่า สำหรับในวันนี้ที่เป็นวันสุดท้ายของวันหยุดช่วงเทศกาลสงกรานต์ บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารเอกมัยนั้น จะไม่มีการเพิ่มเที่ยวรถออกต่างจังหวัด แต่จะมีการปล่อยรถเปล่า ในปริมาณร้อยละ 50 ของจำนวนรถ เพื่อไปรับผู้โดยสารปลายทางภาคตะวันออก ตามสถานีขนส่งต่างจังหวัดเข้ามาในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เนื่องจากวันนี้จะมีผู้โดยสารเดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร มากกว่าเดินทางออก ทั้งนี้เพื่อให้บริการเพียงพอต่อจำนวนผู้โดยสาร และไม่เกิดผู้โดยสารตกค้างขึ้น