ปธน.ตุรกีชนะประชามติรัฐธรรมนูญ/ระเบิดรถบัสผู้อพยพซีเรียเสียชีวิตมากกว่า100คน

17 เมษายน 2560, 06:04น.


ชาวตุรกีผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งราว 55 ล้านคน จากจำนวนประชากรทั้งประเทศที่มีอยู่ประมาณ 80 ล้านคน ออกไปใช้สิทธิลงประชามติตามคูหา 167,140 แห่ง ทั่วประเทศ เมื่อวานนี้  ซึ่งเป็นการตัดสินใจว่าจะสนับสนุนร่างกฎหมายว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญรวมทั้งสิ้น 18 มาตราหรือไม่ ซึ่งจะเป็นการนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง จากระบอบรัฐสภาเป็นระบบประธานาธิบดี ซึ่งจะเป็นผู้ใช้อำนาจบริหารทั้งหมด รวมถึงอำนาจในการประกาศใช้กฎหมาย และการแต่งตั้งคณะตุลาการ ทั้งจะช่วยให้ประธานาธิบดีเรเซป เทย์ยิป เออร์โดกัน สามารถอยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดีต่อไปได้อีกอย่างน้อย 2 สมัย หรือจนถึงปี 2572 แม้อาจส่งผลกระทบต่อความพยายามที่จะเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป หรืออียู เนื่องจากประธานาธิบดีเปิดเผยไว้ก่อนหน้านี้ ว่าจะนำบทลงโทษประหารชีวิตกลับมาใช้อีกครั้ง ซึ่งขัดต่อคุณสมบัติของการสมัครเป็นสมาชิกอียู ที่ระบุว่าประเทศสมาชิกต้องไม่มีกฎหมายการประหารชีวิต และพรรคฝ่ายค้านประณามว่าการลงประชามติในครั้งนี้เป็นความพยายามในการควบรวมอำนาจ



ทั้งนี้ ผลการนับคะแนนประชามติพบว่ามีผู้ลงมติรับร่างกฎหมายร้อยละ 51.37 และไม่รับร่างกฎหมายร้อยละ 48.63 กับเกิดเหตุรุนแรงจากการใช้อาวุธปืนที่หน่วยลงคะแนนในจังหวัดดิยาร์บาคีร์ทางใต้ของตุรกี มีผู้เสียชีวิต 1 คน ซึ่งผู้อยู่เหตุการณ์ระบุว่า เป็นการโต้แย้งกันเกี่ยวกับวิธีการลงคะแนน



ด้านนายเมฟลุต คาวูซ็อกลู รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกี วิจารณ์หลายประเทศที่พยายามมีอิทธิพลครอบงำชาวตุรกีกับการลงประชามติ หลังจากที่ในช่วงที่มีการรณรงค์ประชามติ ตุรกีมีความเห็นขัดแย้งกับเยอรมนีและเนเธอร์แลนด์ ที่ไม่ยินยอมให้รัฐมนตรีตุรกีเข้าไปรณรงค์การทำประชามติ



ที่ซีเรีย จากเหตุคนร้ายจุดชนวนระเบิดขณะที่อยู่ในรถยนต์เพื่อโจมตีรถบัสที่ใช้อพยพชาวซีเรียออกจากพื้นที่ตะวันตกของเมืองอเลปโป ฐานที่มั่นเก่าของกบฏซีเรียที่กองทัพรัฐบาลเพิ่งยึดคืนกลับมาได้ ล่าสุด จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 112 ศพแล้ว เนื่องจากคนร้ายใช้รถบรรเทาทุกข์ในการก่อเหตุ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า กลุ่มบรรเทาทุกข์เข้ามาแจกจ่ายสิ่งของ เด็กและผู้ใหญ่หลายคนจึงพากันวิ่งตามรถคันนี้ จากนั้นคนร้ายก็จุดชนวนระเบิด



ทั้งนี้จุดที่เกิดเหตุอยู่ที่เมืองราชิดิน ซึ่งเป็นจุดพักการอพยพประชาชนกว่า 20,000 คนออกจาก 4 เมืองในพื้นที่ขัดแย้ง ได้แก่ เมือง โฟอาห์ คาฟรายา มาดายา และซาบาดานี ที่ยังมีการปะทะกันระหว่างกองทัพซีเรีย และฝ่ายต่อต้าน จนถึงขณะนี้สามารถอพยพประชาชนราว 7,200 คน แต่อีกกว่า 12,000 คนยังรอการอพยพ เพราะเมื่อเกิดเหตุระเบิดขึ้น การอพยพจึงต้องล่าช้าออกไป และกองทัพรัฐบาลซีเรียต้องขอกำลังเสริมจากหน่วยพิเศษรัสเซียมาช่วยดูแลการอพยพ



กู้ภัยซีเรียระบุว่า ผู้เสียชีวิตมีทั้งกลุ่มที่วิ่งตามรถ และผู้ที่อยู่ในรถบัสที่จอดอยู่ใกล้เคียง เพราะแรงระเบิดส่งผลถึงรถบัสที่จอดอยู่ใกล้เคียง



ชาวอเมริกันใน 150 เมืองทั่วประเทศเข้าร่วมการเดินขบวนแท็กซ์มาร์ชเพื่อเรียกร้องให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐเปิดเผยข้อมูลการจ่ายภาษี ซึ่งเขาปฏิเสธที่จะแสดงข้อมูลเพราะแม้จะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของผู้นำมากว่า 40 ปี แต่ไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องแสดงต่อสาธารณะ โดยก่อนหน้านี้ นิตยสารไทมส์รายงานว่า เมื่อปี 2538 นายทรัมป์แจ้งบัญชีการเงินในการทำธุรกิจขาดทุนเกือบ 34,000 ล้านบาท ทำให้ไม่ต้องจ่ายภาษีนานหลายสิบปี



ผลจากการชุมนุมประท้วงทำให้มีผู้ที่ถูกจับกุมตัว 14-20 ราย ในเหตุปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้เรียกร้องให้เปิดเผยบัญชีกับกลุ่มที่สนับสนุนการกระทำของประธานาธิบดีทรัมป์ ขณะที่กลุ่มแกนนำจัดการประท้วงระบุว่า สาเหตุของการชุมนุมเกิดจากการที่ที่ปรึกษาของประธานาธิบดีทรัมป์แสดงความเห็นว่าการที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่เปิดเผยรายงานการเสียภาษีก็เพราะชาวอเมริกันไม่ได้อยากรู้เรื่องนี้



ส่วนการที่เกาหลีเหนือทดสอบยิงขีปนาวุธอีกครั้งเมื่อวันอาทิตย์ แม้ว่าจะเป็นการทดสอบที่ล้มเหลว แต่หลายประเทศได้ออกแถลงการณ์ประณามว่าเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อประชาคมโลก ซึ่งก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศว่า จะใช้มาตรการที่แข็งกร้าวกับเกาหลีเหนือและใช้ปฏิบัติการเพียงฝ่ายเดียว หากจีน ซึ่งเป็นชาติมหาอำนาจและเป็นมิตรประเทศใกล้ชิดของเกาหลีเหนือไม่สามารถทำให้เกาหลีเหนือยุติโครงการอาวุธนิวเคลียร์



ด้านนาย ไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดินทางเยือนเอเชีย ได้แก่ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และออสเตรเลียเพื่อหารือประเด็นภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือเป็นหลัก และ สหรัฐจะพยายามกดดันให้เกาหลีเหนือยุติโครงการอาวุธนิวเคลียร์ รวมถึงการเมืองเกาหลีใต้ที่จะมีการจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพฤษภาคมนี้



...

ข่าวทั้งหมด

X