ข่าวเที่ยงครึ่ง
+++ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกซึ่งไม่รวมจีน โดยขึ้นอีกร้อยละ0.1 จากคาดการณ์เดิมในเดือน ต.ค. ปีที่แล้ว เป็นขยายตัวร้อยละ 5 หรือโตขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนซึ่งโตร้อยละ 4.9 จากแรงซื้อในภูมิภาค การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และยังปรับขึ้นคาดการณ์ของไทยอีกร้อยละ 0.1 ทั้งปีนี้และปีหน้า เป็นขยายตัวร้อยละ 3.2 และร้อยละ 3.3 ตามลำดับ ธนาคารโลก ระบุว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยจะได้รับการขับเคลื่อนจากมาตรการกระตุ้นทางการคลัง การท่องเที่ยว การส่งออก และการบริโภคของภาคเอกชน ท่ามกลางความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ฟื้นตัวขึ้นและหนี้ครัวเรือนที่ลดลง ส่วน ราคาสินค้าเกษตรที่ทรงตัวอาจส่งผลให้การพัฒนาคุณภาพชีวิตในพื้นที่ชนบทของไทยชะลอตัวลง และไทยยังต้องระวังความเสี่ยงด้านการส่งออก จากความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจโลก รวมถึงผลกระทบจากนโยบายรัฐบาลใหม่ของสหรัฐและการเลือกตั้งในยุโรป ธนาคารโลกยังปรับขึ้นคาดการณ์จีดีพีของอีกหลายประเทศในเอเชีย อาทิ ฟิลิปปินส์ขึ้นอีกร้อยละ 0.4 เป็นร้อยละ 6.9 สำหรับจีนนั้น ธนาคารโลกคงคาดการณ์จีดีพีที่เติบโต ร้อยละ 6.5 ในปีนี้ และร้อยละ 6.3 ในปีหน้า จากมาตรการลดการผลิตส่วนเกินและควบคุมการขยายตัวของ สินเชื่อ พร้อมคาดว่ากิจกรรมในภาคอสังหาริมทรัพย์จะชะลอตัวลง
+++นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ส่งหนังสือด่วนที่สุด ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด และหน่วยปฏิบัติทุกหน่วย เรื่องการปรับปรุงรูปแบบการรายงานอุบัติเหตุ ความว่า เนื่องจากรูปแบบการรายงานจำนวนสถิติข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุยังไม่เพียงพอต่อการกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ โดยให้แยกเป็นสาเหตุหรือระบุพฤติกรรมที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุให้ชัดเจนในแต่ละรอบการรายงานของวัน เช่น กรณีจากเหตุเมาสุราจำนวนกี่ครั้ง กรณีเหตุขับเร็วเกินกำหนดจำนวนกี่ครั้ง กรณีไม่สวมหมวก ไม่คาดเข็มขัดนิรภัยจำนวนกี่ครั้ง ฯลฯ เพื่อต้องการเน้นย้ำเตือนและชี้ให้สังคมเห็นถึงพฤติกรรมเสี่ยงที่เกิดจากการไม่เคารพกฎระเบียบ วินัยจราจร การตกเป็นทาสของอบายมุข การใช้ชีวิตอย่างไม่ระมัดระวังหรือขาดสติ รวมทั้งไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย จนเกิดอุบัติเหตุและบาดเจ็บ ตาย หรือสูญเสีย
+++เรืออากาศเอก นพ.อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ได้สรุปผลการปฏิบัติงานของศูนย์ประสานคุ้มครองสิทธิผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (ศคส.สพฉ.) ตลอด13 วันพบว่า พบสถิติผู้ขอใช้สิทธิทั้งสิ้น1,366 ราย เป็นผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์ 538 ราย ซึ่งเป็นผู้ป่วยจากสิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า317ราย จากสิทธิประกันสังคม83 ราย จากสิทธิข้าราชการ104 ราย และสิทธิกองทุนอื่น ๆ อีก34ราย ในช่วงการเดินทางกลับบ้านและช่วงฉลองเทศกาลสงกรานต์วันแรก มีผู้ป่วยฉุกเฉินที่ขอใช้สิทธิ มากถึง243 คน โดยเป็นผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์ถึง 80 ราย อย่างไรก็ตามในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้เจ้าหน้าที่ของเราพร้อมให้บริการประชาชนผ่านสายด่วน1669ตลอด24ชั่วโมง และประชาชนยังสามารถแจ้งเหตุเมื่อพบผู้ป่วยฉุกเฉินผ่านแอพลิเคชั่น “EMS1669” เพิ่มเติมด้วย ซึ่งจะทำให้การแจ้งเหตุแม่นยำ และไปช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ฝากประชาชนจดจำคาถาข่มดวงที่เคยบอกประชาชนไว้ก่อนหน้านี้ ว่าหากสามารถทำตามคาถาข่มดวงที่ให้ไว้ได้ก็จะทำให้รอดพ้นจากการเจ็บป่วยฉุกเฉิน คือการคาดเข็มขัดนิรภัยทั้งคนขับคนนั่ง การสวมหมวกนิรภัย สำหรับประชาชนที่เดินทางไกลด้วยมอเตอร์ไซด์ การดื่มไม่ขับเพราะการดื่มแอลกอฮอล์ จะทำให้ประสิทธิภาพการขับขี่ลดลงและจะทำให้เกิดอุบัติเหตุอย่างง่ายดายได้ การหลีกเลี่ยงการใช้บริการของ “วัด” ก่อนวัยอันควร
+++น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะได้เดินสายทำบุญในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เนื่องในวันปีใหม่ไทย ทั้งนี้ เริ่มต้นที่วัดดับภัย ต.ศรีภูมิ อ.เมืองเชียงใหม่ โดยมี พระครูโอภาสปัญญาคม เจ้าอาวาสวัดฯได้นำสวดพร้อมทำเทียนสะเดาะเคราะห์สืบชะตาให้อดีตนายกฯพ้นเคราะห์กรรมต่างๆในชีวิต สำหรับ วัดดับภัย ถือเป็นวัดเก่าแก่อายุกว่า 500 ปี เป็นวัดมงคลของชาวเชียงใหม่ หากใครอยากจะพ้นภัยร้ายต่างๆก็ต้องมาทำบุญสะเดาะเคราะห์ที่วัดแห่งนี้ หลังจากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินทางไปที่วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร ต.ศรีภูมิ เพื่อเข้ากราบ พระครูวิธารวรกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส และทำบุญสวดสะเดาะนพเคราะห์ปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายนานา พร้อมทั้งรดน้ำทำบุญ "พระพุทธสิหิงค์" พระคู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่ ก่อนจะไปทำบุญต่อที่วัดโลกโมฬี ต.ศรีภูมิการเดินสายทำบุญครั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส และมีประชาชนชาวเชียงใหม่ รวมถึงนักท่องเที่ยวจำนวนมากเมื่อเห็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต่างพากันขอถ่ายรูปคู่ พร้อมกับอวยพรให้อดีตนายกรัฐมนตรีเข้มแข็งต่อสู้กับภัยต่างๆที่กำลังเผชิญอยู่ ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ได้อวยพรปีใหม่ไทย อยากให้พี่น้องคนไทยทุกคนมีแต่ความสุข สุขภาพสมบูรณ์ คิดอะไรก็ขอให้สมปรารถนาทุกอย่าง ในวันที่ 15 เม.ย.นี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และ นายสมชาย วงค์สวัสดิ์ พร้อมเครือญาติในตระกูลชินวัตร นักการเมืองท้องถิ่น และ ส.ส. จะเดินทางไปทำบุญไหว้กู่บรรพบุรุษซึ่งเป็นกิจกรรมที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กระทำมาทุกปี.
+++สำนักงานการท่องเที่ยวไต้หวัน ประกาศขยายอายุฟรีวีซ่าให้นักท่องเที่ยวจากประเทศไทยและบรูไนออกไปอีก 1 ปี หรือจนถึงวันที่ 31 ก.ค. 2018 หลังจากที่โครงการนำร่องดังกล่าวซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือน ส.ค.ปีที่แล้ว ทำให้มียอดนักท่องเที่ยวจากไทยและบรูไนเพิ่มขึ้น ร้อยละ57.26 และร้อยละ 52 ตามลำดับ ในปี 2016 เตรียมขยายแผนครอบคลุมฟิลิปปินส์ด้วยในปีนี้ คาดว่าจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวฟิลิปปินส์ได้ราวร้อยละ 33 อยู่ที่ 2.3 แสนคน ไต้หวันยังเปิดให้นักท่องเที่ยวจากอินเดีย เวียดนาม อินโดนีเซีย เมียนมา กัมพูชา และลาว ที่เคยมี วีซ่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาและไม่เคยอยู่เกินกำหนด ยื่นขอฟรีวีซ่าออนไลน์ ได้ และยังเสนอให้เงินอุดหนุนทัวร์ เป็นหมู่คณะ ระหว่าง 2 หมื่น-1.5 แสนเหรียญไต้หวัน หากท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และศิลปะและพัก 3 คืนขึ้นไป ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้าง รายได้ให้การท่องเที่ยวได้กว่า 800 ล้านเหรียญไต้หวัน