หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า ได้เข้าเฝ้าฯสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อรับพระราชทานเงินที่ทรงพระกรุณาช่วยเหลือ เด็กนักเรียน 27 คน ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม อีกส่วนหนึ่งช่วยเหลือโรงเรียนจำนวน 267 โรงเรียน ที่ได้รับความเสียหายในระยะเร่งด่วน ซึ่งเป็นการพระราชทานเงินส่วยพระองค์ที่ได้จากการ จำหน่ายไดอารี่ภาพฝีพระหัตถ์ซึ่งถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างมาส่วนที่ประชุม คสช. ได้มีมติยกเลิกการกำหนดพื้นที่ควบคุมวัดพระธรรมตามม.44 บางจุด แต่ยังคงม.44 ไว้ ทั้งนี้ม.44 ใช้เป็นการชั่วคราวเพื่อควบคุมไม่ให้เกิดความวุ่นวาย แต่หากไม่เรียบร้อยก็สามารถประกาศใหม่ได้
ส่วนกรณีที่ฝ่ายการเมืองเรียกร้องไม่ให้ใช้คำสั่งตาม ม.44 หลังรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ประกาศใช้ โดยนายกรัฐมนตรียืนยันว่าการใช้คำสั่ง ม.44 เพื่อใช้แก้ปัญหาเท่านั้น นักการเมืองจึงไม่จำเป็นต้องกลัว เพราะประชาชนทั่วไปก็ไม่เดือดร้อน พร้อมด้วยว่าการใช้มาตรา 44 จะใช้เท่าที่จำเป็นและไม่ให้ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ส่วนตัวคาดว่าหลังจากมีรัฐธรรมนูญแล้วทุกฝ่ายจะใจเย็นลงเพราะถือเป็นการนับหนึ่งเข้าสู่โรดเมป แต่อาจมีการคลาดเคลื่อนบ้างเนื่องจากจะมีพระราชพิธีสำคัญ 2 พระราชพิธี ซึ่งการหาเสียงควรเริ่มหลังจากนั้น แต่อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรี นะบุด้วยว่า แม้ขณะนี้ยังไม่เป็นประชาธิปไตย 100 % แต่บ้านเมืองก็หน้าไปในทางที่เรียบร้อยดี เศรษฐกิจดีขึ้น ความเชื่อมั่นดีขึ้น
ส่วนกรณีกำนัน ผู้ใหญ่ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านข้อเสนอของ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) ที่เสนอให้ลดวาระการดำรงตำแหน่งเหลือวาระละ 5 นายกรัฐมนตรีระบุว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นของทั้งสองฝ่าย ดังนั้นจึงต้องไปหาสาเหตุของปัญหาซึ่งอาจมาจากบางคน หรือบางพื้นที่ และต้องไปดูว่าวิธีที่สปท.เสนอมาแก้ปัญหาได้หรือไม่ แต่ทั้งนี้รัฐบาลยังไม่ได้พิจารณา เพราะต้องดำเนินการอีกหลายขั้นตอน ที่จะต้องนำไปศึกษาก่อนตัดสินใจ จึงขอร้องว่าในระหว่างนี้ ขอร้องให้สมาคมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อย่าออกมาเคลื่อนไหม เพราะหากเคลื่อนไหวมากจะทำให้ประชาชน ไม่ไว้ใจและมองว่าเป็นเรื่องส่วนตัว และให้ประเทศชาติมาก่อน
สำหรับ มาตรการเข้มงวดการจราจรทางบก เป็นมาตรการเตรียมการซึ่งทำให้ทุกคนมีความตื่นตัว โดยรัฐบาลยืนยันว่าไม่สามารถยกเลิกกฎหมายได้เพราะเป็นกฎหมายที่มีมานานแล้ว จึง ต้องมีมาตรการเพิ่มความเข้มงวด เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ขณะเดียวกันก็จะมีการพัฒนาระบบขนส่งมวลชน ซึ่งแม้ว่าจะไม่เสร็จภายใน 1-2 ปี ฉันเป็นการเริ่มต้นสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน พร้อมขอให้เห็นใจเจ้าหน้าที่เพราะไม่สามารถละเว้นกฎหมายได้ ทั้งได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ระบุถึงสาเหตุในการเกิดอุบัติเหตุให้ชัดเจน ทั้งเรื่อง การไม่คาดเข็มขัดนิรภัยขับรถเร็วเกินกำหนด และดื่มสุรา เพราะตั้งแต่ต้นปีแล้วยังไม่เข้าสู่เทศกาลแต่มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 3 พัน กว่าราย ซึ่งมาตรการคาดเข็มขัดนิรภัยนั้นเพื่อผ่อนหนักเป็นเบา
นายกรัฐมนตรีได้อวยพรประชาชน มีความสุขในเทศกาลสงกรานต์ แต่อย่านั่งกระบะท้ายเพื่อความปงอดภัย พร้อมระบุด้วยว่าคนไทยทั้ง 70 ล้านคน แม้ไม่ใช่คนในคนในครอบครัวแต่หากบาดเจ็บหรือเสียชีวิตก็เสียใจทั้งนั้น