+++นายนิติวัธน์ นิธินันท์ธาร หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดน่าน เปิดเผยว่า เตรียมอพยพ 2 หมู่บ้าน ต.บ่อเกลือเหนือ อ.บ่อเกลือ หนีน้ำป่า ดินโคลนถล่ม หลังจาก มีฝนตกหนักตกลงมาอย่างหนักจากอิทธิพลของพายุรามสูร โดยเฉพาะที่อำเภอบ่อเกลือ และอำเภอเฉลิมพระเกียรติ มีปริมาณน้ำฝนสะสม 12 ชั่วโมง อยู่ที่ 137 มิลลิเมตร และได้ส่งผลให้ระดับน้ำในลำน้ำว้าเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในวันเดียวสูง 4.20 เมตร ถือว่าอยู่ในระดับอันตราย
+++กรณีที่ กลุ่มก่อเหตุซุ่มโจมตี และปาระเบิดเพลิงเผา ป้อมจุดตรวจยุทธศาสตร์ บ้านน้ำดำ ม.5 ต.น้ำดำ อ.ทุ่งยางแดง จ. ปัตตานี เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว ทำให้ตำรวจประจำป้อมบาดเจ็บ 4 และรถยนต์ ราชการและประชาชนเสียหาย พล.ต.ต.โพธิ สวยสุวรรณ ผบก.ภ.จ.ปัตตานี เปิดเผย ผลการตรวจพิสูจน์ อาวุธปืนและเครื่องกระสุน พบว่า คนร้ายที่ก่อเหตุ ได้ใช้อาวุธปืนยาวจำนวนมากกว่า 17 กระบอก และจากการตรวจสอบปลอกกระสุน ที่ออกจากอาวุธปืน 17 กระบอกดังกล่าว พบว่าเป็นปืนที่เพิ่งใช้ก่อเหตุครั้งนี้ เป็นครั้งแรก 10 กระบอก ส่วนอีก 7 กระบอก พบประวัติว่าเคยใช้ก่อเหตุมาแล้วในหลายพื้นที่ เช่นอ.ทุ่งยางแดง อ.ปะนาเระ อ.ยะรัง อ.มายอ ในจังหวัดปัตตานี และ อ.รามัน จ. ยะลา จะขยายผลสอบต่อไป
+++ผู้นำทางทหารประเทศเพื่อนบ้าน ทยอยเดินทางมาประเทศไทย เพื่อเข้าเยี่ยมคารวะและหารือข้อราชการกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อย่างต่อเนื่อง เริ่มจาก ผู้บัญชาการทหารสูงสุดสิงคโปร์ และพล.อ.เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมของกัมพูชา มีกำหนดเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน ในวันที่ 29 ก.ค.เพื่อหารือราชการก่อนที่จะเดินทางกลับกัมพูชาในเวลา 15.00 น.
+++หลังการหารือระหว่างพล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะตัวแทนคสช.กับผู้แทนองค์กรวิชาชีพสื่อ 4 องค์กร พล.อ.สุรศักดิ์ เปิดเผยว่า คสช.พร้อมรับฟังความคิดเห็นองค์กรวิชาชีพสื่อ และขอความร่วมมือสื่อให้มีความรับผิดชอบต่อการปฏิบัติงานตามประกาศของ คสช. ฉบับที่ 97 ทั้งนี้จะนำข้อกังวลของสื่อมวลชนเรื่องข้อจำกัดการนำเสนอข่าวสารไปพิจารณา ยอมรับว่าเป็นห่วงเนื้อหาใน 2 ข้อหลัก คือการวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติงานของ คสช. และที่กำหนดว่าหากบุคคลใดหรือสื่อใดฝ่าฝืน ก็จะระงับการจำหน่ายจ่ายแจกและเผยแพร่ รวมถึงการงดออกอากาศ เรื่องนี้จึงไม่อยากให้ คสช.เหมารวมสื่อ เพราะสื่อส่วนใหญ่ยังมีกฎระเบียบของ กสทช.บังคับใช้อยู่ ส่วนสื่อที่ยังไม่มีใบอนุญาตที่ถูกต้องก็ควรไปดำเนินการให้ถูกระเบียบต่อไป
+++เงินบาท ปิดตลาดแข็งค่ามากสุดในรอบ 8 เดือน ตั้งแต่เดือนพ.ย. 2556 ปิดที่ 31.93/95 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ 32.12/14 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
+++นางรุ่ง มัลลิกะมาส โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น คือ นักลงทุนในตลาดเงินโลกมีความเชื่อมั่นในตลาดเอเซียมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากที่ผลการเลือกตั้งของอินโดนีเซียมีความชัดเจน มีข่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) อาจปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจไทยในปีนี้ โดยมองว่า เศรษฐกิจที่จะเร่งตัวในช่วงครึ่งหลังของปี ทำให้มีโอกาสที่เศรษฐกิจทั้งปี 2557 จะขยายตัวได้สูงกว่าร้อยละ 2.5 และปัจจัยบวกจากข่าวที่ว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อนุญาตให้บริษัทต่างประเทศเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทยสะดวกขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้ลดน้ำหนักการลงทุนในประเทศไทยลง โดยเห็นจากเงินทุนไหลเข้าในตลาดหุ้นและพันธบัตรมากขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ต่างจากเดือนพฤษภาคมที่เงินทุนไหลออก และเงินบาทอ่อนค่ามากสุดในภูมิภาค ช่วงนี้จึงเหมือนเงินบาทปรับตัวไล่ตามเงินสกุลภูมิภาค
+++ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่1,538.55 จุด เพิ่มขึ้น 5.14 จุด มูลค่าการซื้อขาย 52,236.37 ล้านบาท
+++การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 67.65 จุด ปิดที่ 23,387.14 จุด ตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นจีน เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับผลประกอบการของภาคเอกชนจีน รวมถึงกังวลเกี่ยวกับการเปิดซื้อขายหุ้นไอพีโอล็อตใหม่ในจีนที่อาจดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากหุ้นกลุ่มเดิม
+++ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันแห่งทะเล
+++กรณีคณะทำงานร่วมระหว่างอัยการสูงสุดและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มีมติเรียกเจ้าหน้าที่บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ที่เกี่ยวข้องในคดีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดพนักงาน อสมท., บริษัท ไร่ส้ม จำกัด และนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา กับพวก กรณียักยอกเงินโฆษณาจาก อสมท กว่า 138 ล้านบาท มาสอบปากคำเพิ่มเติมจำนวน 3 ราย ล่าสุด อัยการในคณะทำงานคดีดังกล่าว เปิดเผยว่า คดีอยู่ระหว่างการไต่สวนพยานเพิ่มเติม จะเร่งไต่สวนให้เร็วที่สุด ก่อนจะส่งฟ้องต่อศาล
+++สมาชิก 3 คนของทีมชันสูตรศพของเนเธอร์แลนด์ เดินทางถึงเมืองโดเนตสค์ ทางตะวันออกของยูเครนแล้ว นับเป็นเจ้าหน้าที่สอบสวนจากต่างประเทศกลุ่มแรก ที่สามารถเข้าถึงพื้นที่ที่ถูกกลุ่มกบฏยึดครอง นับตั้งแต่เครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ ตก แกนนำกลุ่มกบฏพร้อมพบปะทีมสอบสวนและให้ความช่วยเหลือในการเข้าถึงที่เกิดเหตุ หรือรถไฟที่เก็บศพของผู้เสียชีวิตบางคนเอาไว้ และจะทำตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญจากต่างชาติ ทีมผู้เชี่ยวชาญจากเนเธอร์แลนด์จะเดินทางไปยังเมืองตอเรซ เพื่อพิสูจน์ศพที่แช่แข็งเอาไว้
+++คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ห่วงสถานการณ์ในฉนวนกาซา หลังยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มต่อเนื่อง ที่ประชุมฉุกเฉิน แสดงความกังวล และจะเร่งปรับกระบวนการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซา รวมทั้งเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหยุดยิงทันที
+++กระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์ ออกแถลงการณ์ ระบุจำนวนผู้เสียชีวิตจากการสู้รบระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา ที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่วันที่ 8 ก.ค. เพิ่มเป็นอย่างน้อย 508 ศพแล้ว บาดเจ็บอีกกว่า 3,300 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือนของปาเลสไตน์ หลังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอสซี ) มีมติเรียกร้องให้อิสราเอลและกลุ่มฮามาสยุติการสู้รบในฉนวกนาซาทันที และอิสราเอลต้องถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ทั้งหมด เพื่อเปิดทางให้เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม