เมื่อวานนี้ ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งยกคำขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับใช้คำสั่งที่ 1351/2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ที่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากเหตุขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติปล่อยให้เกิดทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวและเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดแก่ราชการตามอำนาจหน้าที่เป็นเหตุให้กระทรวงการคลังเกิดความเสียหายมูลค่ามากกว่า 35,000 ล้านบาทเศษ จนกว่าคดีจะถึงที่สุด โดยศาลปกครองกลาง ให้เหตุผลว่า ข้อเท็จจริงในคดีนี้ กระทรวงการคลัง ยังไม่มีการใช้มาตรการบังคับทางปกครอง ยึดหรืออายัดทรัพย์สินของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และขายทอดตลาดเพื่อชำระค่าสินไหมทดแทนแต่อย่างใด
ส่วนที่ศาลสิงห์บุรีวันนี้ จะมีการพิพากษาคดีนายพัสกร สิงคิ ผู้พิการ ซึ่งมีความบกพร่องทางด้านการได้ยิน เป็นใบ้ หูหนวก ที่ตกเป็นจำเลยร่วมกันฆ่าผู้อื่นเมื่อปี 2551 ซึ่งศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้จำคุก 20 ปี แต่กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอรื้อฟื้นคดีจนสามารถจับคนร้ายตัวจริงได้ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า คดีนี้จะเป็นรายแรก ตาม พ.ร.บ.การรื้อฟื้นคดีขึ้นพิจารณาใหม่ พ.ศ. 2526 ของศาลจังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งต่อไปผู้ทำคดีต้องใช้ความระมัดระวังและความรอบคอบในการแสวงหาข้อเท็จจริงก่อนสรุปสำนวนสั่งฟ้อง เพื่อให้ความยุติธรรมกับฝ่ายผู้ถูกกล่าวหา โดยเฉพาะการนำคนที่ไม่ได้กระทำความผิดมาขังคุกนาน 5 ปี เป็นเรื่องที่ทุกข์ทรมานของผู้ถูกกล่าวหาและครอบครัว แม้จะได้รับการเยียวยาตามกฎหมายแต่แทบจะไม่มีความหมาย เพราะได้รับเงินเยียวยาการติดคุกวันละ 300 บาท โดยขณะนี้มีคดีรอการยื่นคำร้องขอรื้อฟื้นคดีอีกหลายคดี ซึ่งรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ไม่กังวลว่าการรื้อฟื้นคดีจะสร้างรอยร้าวระหว่างองค์กร เพราะถือว่าต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ เมื่อพบปัญหาก็ต้องร่วมกันแก้ไข แม้ว่าบางครั้งกระบวนการยุติธรรมอาจจะล่าช้าไปบ้าง
กรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ลงนามในคำสั่งให้ตรวจสอบเรื่องการขาดดุลการค้าของสหรัฐ โดยมีไทยเป็นหนึ่งใน 16 ประเทศที่ถูกตรวจสอบ นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า ภาคเอกชนกำลังร่วมกับทีมเศรษฐกิจของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ประเมินสถานการณ์ โดยมีกระทรวงพาณิชย์เป็นหลักในการรวบรวมข้อมูล เพื่อนำมาประเมินท่าทีของสหรัฐ และแนวทางการรับมือ
ด้านนางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า เร็ว ๆ นี้จะมีการประชุมกับผู้ประกอบการในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มยานยนต์ ซึ่งเป็นกลุ่มสำคัญในการส่งออกสินค้าไปตลาดสหรัฐ นอกจากนี้ จะมีการประเมินข้อมูลภายในไม่ว่าจะเป็นประเด็นการแก้ไขปัญหาละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา มาตรการทางการค้า รวมถึงการลงทุนของนักธุรกิจสหรัฐฯ ที่เข้ามาในไทย โดยขณะนี้พบมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยไปสหรัฐฯ อยู่ที่ 24,500 ล้านดอลลาร์ ประมาณร้อยละ 18 เป็นการส่งออกจากบริษัทของนักลงทุนสหรัฐ
ส่วนกรณีเหตุก่อการร้ายหลายในหลายประเทศ นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทย เนื่องจากพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังมีความแข็งแกร่งและมีเสถียรภาพรองรับ ทั้งหนี้สาธารณะยังอยู่ในระดับต่ำ อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับเหมาะสมอัตราเงินเฟ้ออยู่ในเกณฑ์ปกติ และดุลการค้าระหว่างประเทศยังไม่มีปัญหา แต่ยอมรับว่าค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอาจจะมีผลกระทบบ้าง
ด้านนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า กระทรวงการคลังมีแผนเตรียมพร้อมหากเกิดผลกระทบด้านเศรษฐกิจ ทั้งเรื่องการเงินการคลังมาตรการด้านภาษี ส่วนการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย และ กระทรวงยุติธรรม รายงานการจับกุมเจ้าหนี้นอกระบบทั่วประเทศแล้ว 62 ราย ซึ่งยังมีความผิดร่วมในอีกหลายเรื่อง เช่น มีอาวุธในครอบครอง และ ค้ายาเสพติด
ในวันนี้เป็นวันแรกที่ทางกรมการขนส่งทางบกจะดำเนินบังคับใช้กฎหมายปรับที่นั่งรถตู้โดยสารจำนวน 15 คนให้เหลือ 13 ที่นั่ง หากตรวจพบเสริมที่นั่งเกินกว่ากฎหมายกำหนดจะจับปรับเบื้องต้น 500 บาท/ที่นั่ง
อย่างไรก็ตาม นายพิชิต อัคราทิตย์ รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า การควบคุมที่นั่งรถตู้ดดยสารไม่เป็นเหตุให้ผู้ประกอบการนำมาอ้างเพื่อขึ้นค่าโดยสาร ทั้งเห็นว่า ในช่วงเทศกาลน่าจะทำให้ผู้ประกอบการได้ประโยชน์และกำไรเพิ่มขึ้น
...