ความเคลื่อนไหว สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 54 เซนต์ ปิดที่ 52.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 35 เซนต์ ปิดที่ 55.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ช่วงหนึ่งของการซื้อขายราคาน้ำมันลอนดอน ขยับขึ้นไปอยู่ที่ 56.08 ดอลลาร์ สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม หลังสหรัฐฯแถลงว่าได้ระดมยิงขีปนาวุธโทมาฮอว์ก 59 ลูกจากเรือพิฆาตซึ่งประจำการในเมดิเตอร์เรเนียน โจมตีฐานทัพอากาศเซย์รัต ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองฮอมส์ ประเทศซีเรีย ปฏิบัติการครั้งหนักหน่วงที่สุดเท่าที่เคยมีมาของสหรัฐฯในสงคราม 6 ปี ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ ปิดบวกในวันศุกร์
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ แกว่งตัวปิดลบในกรอบแคบๆ นักลงทุนกังวลข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอเกินคาดหมายในเดือนมีนาคมและคำสั่งโจมตีซีเรียของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดาวโจนส์ ลดลง 6.85 จุด ปิดที่ 20,656.10 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 1.95 จุด ปิดที่ 2,355.54 จุด แนสแดค ลดลง 1.14 จุด ปิดที่ 5,877.81 จุด กระทรวงแรงงานสหรัฐฯเผยแพร่ข้อมูลในวันศุกร์ ระบุ เศรษฐกิจของประเทศมีการจ้างงานใหม่เพียง 98,000 อัตราในเดือนมีนาคม ถือเป็นจำนวนน้อยที่สุดในรอบเกือบ 1 ปี ขณะที่นักวิเคราะห์ ประมาณการก่อนหน้านี้ว่าน่าจะมีการจ้างงานนอกภาคการเกษตรราวๆ 185,000 อัตรา
ความกังวลว่าสถานการณ์ในซีเรีย อาจลุกลามบานปลายไปทั่วภูมิภาค จากการโจมตีครั้งนี้ของสหรัฐฯ ส่งผลให้นักลงทุนหันถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำและดันราคาทองคำปิดบวกในวันศุกร์ ทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 4.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,257.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แฟ้มภาพ