หลังการวิจารณ์เรื่องการบังคับใช้กฎหมายห้ามนั่งท้ายรถกระบะและแค็บของรถ รวมทั้งให้คาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง ตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย. พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า อยากให้สังคมเข้าใจถึงเจตนาที่แท้จริงของรัฐบาลว่าทำไปเพื่อลดอุบัติเหตุ ป้องกันการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนด้วยความจริงใจไม่มีสิ่งใดซ่อนเร้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่าเมื่อประชาชนเดือดร้อนและยังปรับตัวไม่ทัน รัฐบาลก็ยินดีฟังทุกความคิดเห็นด้วยความห่วงใย โดยความจริงแล้วข้อบังคับตามมาตรา 44 ที่ออกมานั้นมีกฎหมายปกติกำหนดไว้อยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาการเกิดอุบัติเหตุและการบาดเจ็บล้มตายส่วนใหญ่เกิดจากการไม่ปฏิบัติตามกฏหมาย เช่น ขับรถเร็ว,เมาสุรา,บรรทุกเกิน,ฝ่าฝืนกฎจราจร ฯลฯ จึงอยากให้คนไทยมองถึงจุดนี้และช่วยกันคิดว่าจะลดความสูญเสียได้อย่างไร เพื่อให้เกิดความยั่งยืน
ในช่วงนี้จะยังไม่มีการจับปรับรถกระบะทั้งที่มีผู้โดยสารนั่งท้ายกระบะหรือในแค็บของรถ หากเจ้าหน้าที่ตรวจพบจะประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงข้อกฎหมาย ส่วนการคาดเข็มขัดนิรภัยในรถยนต์นั่งส่วนบุคคลนั้น เจ้าหน้าที่จะยังคงบังคับใช้กฎหมายด้วยการจับปรับผู้โดยสารเบาะคู่หน้าต่อไป
ขณะที่ผู้โดยสารด้านหลังหากพบว่าไม่คาดเข็มขัดนิรภัย เจ้าหน้าที่จะตักเตือนก่อน แต่สำหรับรถโดยสารสาธารณะ เช่น รถแท็กซี่ รถตู้ และรถโดยสารประจำทาง จะต้องคาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง หากฝ่าฝืนจะถูกจับปรับเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดแก่ผู้โดยสารที่ต้องฝากชีวิตไว้กับผู้ขับขี่รถสาธารณะ
แฟ้มภาพ