รองผบช.น.ชี้รถจดทะเบียน1ม.ค.54ต้องติดตั้งเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง เริ่มเข้มงวดพรุ่งนี้

5 เมษายน เป็นวันกำหนดใช้มาตรการกฎหมายจราจรอย่างเข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะการคาดเข็มขัดนิรภัย พลตำรวจตรีจิรพัฒน์ ภูมิจิตร รอง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะที่ดูแลงานด้านจราจร กล่าวว่า การติดตั้งเข็มขัดนิรภัยจะต้องดูประเภทรถตาม พระราชบัญญัติรถยนต์ โดยรถยนต์ รถแท็กซี่ และรถกระบะ4 ประตู ถ้าจดทะเบียนก่อน มกราคม 2531 ตัวรถจะไม่มีการติดตั้งเข็มขัดนิรภัย แต่รถที่จดทะเบียนตั้งแต่วันที่1 มกราคม2531-วันที่31ธันวาคม2553 จะต้องติดตั้งเข็มขัดนิรภัยในที่นั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า และจดทะเบียน ตั้งแต่1มกราคม2554จะต้องติดตั้งเข็มจัดนิรภันทุกที่นั่ง ,รถ4ล้อรับจ้าง(รถกะป๊อ) ที่จดทะเบียนตั้งแต่1เมษายน2555 บังคับให้คาดเข็มขัดนิรภัยทั้งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ,รถปิคอัพ หรือรถ2แถวที่มีด้านหลังเป็นที่นั่งและที่บรรทุก กฎหมายบอกว่าให้บรรทุกสิ่งของและสัตว์ ห้ามไม่ให้มีคนนั่ง อันนี้ก็บังคับให้รัดเข็มขัดที่นั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ,รถตู้ส่วนบุคคลที่จดทะเบียนก่อน 1 มกราคม 2537 ตัวรถจะไม่มีการติดตั้งเข็มขัดนิรภัยเลย แต่รถตู้ส่วนบุคคลที่จดทะเบียนตั้งแต่1เมษายน2555 ต้องติดตั้งทุกที่นั่ง

ขณะที่รถโดยสารตามพระราชบัญญัติขนส่งทางบก บรรทุกทุกชนิดต้องมีที่ขาดเข็มขัดคนขับและคนนั่งตอนหน้า ,รถตู้โดยสารที่วิ่งระหว่างกรุงเทพไปต่างจังหวัด หรือวิ่งระหว่างจังหวัด จะต้องมีที่คาดเข็มขัดทุกที่นั่ง, รถโดยสารขนาดเล็กจะต้องมีการติดตั้งเข็มขัดนิรภัยในที่นั่งคนขับและผู้โดยสารคนตอนหน้า ส่วนข้างหลังให้จัดมีหลังคาและที่นั่งตามแนวยาวรถ 2 ข้าง และจัดให้มีเข็มขัดนิรภัยหรือไม่ก็ได้ สำหรับประเภทเข็มขัดนิรภัยที่บังคับใช้มี 2 รูปแบบ คือ คาด3จุด แบบรัดตักและรั้งพาดไหล่ ซึ่งจะใช้กับที่นั่งคนขับและที่นั่งผู้โดยสาร และคาด2จุด คือ แบบคาดเอว ใช้กับผู้โดยสารที่นั่งตรงกลาง

ซึ่งรถยนต์หรือรถแท็กซี่ที่จดทะเบียนตั้งแต่ปี2554จะต้องมีเข็มขัดนิรภัยครบทั้ง5ที่นั่ง หากเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบว่าผูโดยสารไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ก็จะปรับเริ่มต้นในช่วงแรกก่อน100บาท โดยจะสอบถามก่อนว่า คนขับรถมีการบอกให้คาดเข็มขัดนิรภัยก่อนหรือไม่ หากคนขับได้บอกแล้ว ก็จะปรับแค่ผู้โดยสารเท่านั้น

ส่วนอัตราการปรับเริ่มต้น100บาทจะปรับนานแค่ไหน ต้องหารือกับอีกครั้ง ทั้งนี้ได้กำหนดให้วันที่5เมษายนนี้ เริ่มเข้มงวดกวดขันการคาดเข็มขัดนิรภัยแบบจริงจัง หากพบมีการกระทำความผิด ก็จะจับปรับจริง รวมถึงในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีการตั้งจุดกวดขันวินัยจราจรในช่วงกลางวันด้วย เน้นตรวจเรื่องเมาแล้วขับ ขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด ไม่สวมหมวกนิรภัย และไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ซึ่งจะไม่เน้นจำนวนการจับปรับแต่คาดหวังว่าการตั้งจุดตรวจทำให้การเดินทางปลอดภัยมากขึ้น ลดการสูญเสียจากหนักเป็นเบา

รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลยืนยันว่า จะไม่มีการเรียกเงินจากเจ้าหน้าที่เด็ดขาด ซึ่งได้กำชับว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องสร้างภาพรักษ์ที่ดีให้กับองค์กร และก่อนหน้านี้ได้ออกคำสั่งว่าการตั้งด่านกวดขันจราจร หัวหน้าผู้ควบคุมด่านต้องเป็นระดับสารวัตรจราจรหรือรองผู้กำกับจราจรขึ้นไปเป็นหัวหน้าคุมเท่านั้น