ความคืบหน้าเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืน ยิงนางสาววาสนา บุราคร เจ้าหน้าที่ซี 4 ฝ่ายทะเบียนคลัง สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.) เสียชีวิต บริเวณสนามหญ้าภายในคุรุสภา เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากที่ก่อเหตุผู้ต้องหาได้หลบหนีไปหลบซ่อนอยู่ที่บ้านญาติของภรรยาที่จังหวัดอ่างทอง แล้วติดต่อเข้ามอบตัวกับตำรวจสืบสวนภูธรภาค 7 เมื่อวานนี้ แล้วถูกคุมตัวมาสอบปากคำต่อที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล
ล่าสุดวันนี้พลตำรวจโทศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล นำตัวนายจำลองมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายคอยดูแลรักษาความปลอดภัยตลอดการทำแผน เริ่มจากจุดแรก ผู้ต้องหา ปล่อยยางลมรถยนต์ของนางสาววาสนา แล้วไปนั่งรอที่ป้อมรักษาความปลอดภัย ข้างอาคาร สกสค.
จากนั้น เวลาประมาณ 16.00 น. นางสาววาสนาเลิกงานและเดินมาที่รถพบว่าถูกปล่อยยางลมรถยนต์ จึงรอเปลี่ยนยางรถ ผู้ต้องหาเดินมาเพื่อขอเจรจาปัญหาบริเวณสนามหญ้าด้านหน้าอาคาร สกสค. แต่ตกลงกันไม่ได้ ผู้ต้องหาจึงใช้ปืนยิงนางสาววาสนา 3 นัดจนเสียชีวิต แล้ววิ่งไปพบนายสมชาย ศรจิ้น ผู้ต้องหาที่ให้การช่วยเหลือ โดยขับรถไปส่งนายจำลองที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่
ทั้งนี้ ญาติของนางสาววาสนา ยืนยันว่า ความขัดแย้งระหว่างผู้ต้องหากับนางสาววาสนา คือการที่นางสาววาสนาจะไปคบหาคนใหม่ แต่ทางผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นการเจรจาเรื่องรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ที่เคยซื้อร่วมกัน
พลตำรวจโทศานิตย์ ระบุว่า มูลเหตุเกิดจากเรื่องส่วนตัว และขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญอยู่ระหว่างตรวจสอบกระสุนปืนที่ผู้ต้องหานำมามอบให้ ยืนยันว่าจะทำคดีนี้ด้วยความรัดกุมที่สุด ขอให้ญาติผู้เสียชีวิตอย่ากังวล เนื่องจากคดีนี้อัตราโทษสูงถึงประหารชีวิต ทางพนักงานสอบสวนจะคัดค้านการประกันแน่นอน และจะคุมตัวไปฝากขังศาลอาญา รัชดาภิเษก ในวันพรุ่งนี้
ขณะที่ครอบครัวของผู้เสียชีวิต ซึ่งมาติดตามการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ มีการตะโกนด่าผู้ต้องหาเป็นระยะ และขอให้ตำรวจคัดค้านการประกันตัว ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ขอให้ประหารชีวิตผู้ต้องหา ส่วนบิดาของผู้เสียชีวิต ยังตะโกนถามผู้ต้องหาด้วยว่า เพราะเหตุใดถึงมาฆ่าบุตรสาวตน ซึ่งตำรวจได้เข้ามากันตัวออกไป
ด้านนายกิตติพันธ์ บุระคร พี่ชายคนโตของนางสาววาสนา แสดงความมั่นใจในกระบวนการยุติธรรม พร้อมอโหสิกรรมให้ เพราะผู้ต้องหาถูกดำเนินคดีแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาทราบว่าน้องสาว คบกับผู้ต้องหา แต่เมื่อทราบว่าผู้ต้องหามีครอบครัวแล้ว จึงขอเลิกคบ
ส่วนนายพงษ์รัตน์ พี่ชายคนรอง กล่าวว่า ทราบว่าน้องสาวมีปัญหากับผู้ต้องหา รวมถึงน้องสาวเคยถูกผู้ต้องหาข่มขู่ด้วย ส่วนรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ที่ผู้ต้องหา อ้างว่าเป็นของตัวเองนั้น ได้เจรจาจบกันไปแล้ว และก่อนเกิดเหตุ 3 วัน น้องสาวได้บอกกับหลานว่าเก็บทรัพย์สิน รวมถึงเอกสารสำคัญต่างๆ ไว้ที่ใดบ้าง เหมือนเป็นลางบอกเหตุ
สำหรับบรรยากาศการทำแผนประกอบคำรับสารภาพก็มีข้าราชการ ที่ทำงานอยู่ในคุรุสภา และประชาชน จำนวนมาก ร่วมดูการทำแผน พร้อมตะโกนด่าผู้ต้องหาตลอดการทำแผน แต่ไม่มีการเกิดเหตุชุลมุนแต่อย่างใด
...
ผสข.ธนดา เฉลิมวันเพ็ญ