ทรัมป์สั่งตรวจสอบ16ชาติที่อเมริกันเสียดุลการค้ารวมไทยด้วย/ ดินถล่มในดคลอมเบียและอินโดฯ

03 เมษายน 2560, 05:57น.


ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดี 2 ฉบับ เพื่อยุติการขาดดุลการค้าจำนวนมหาศาลถึง 50,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือนหรือราว 500,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี โดยจะเน้นไปที่การตรวจสอบข้อเท็จจริงและการหามาตรการต่อ 16 ประเทศ ที่สหรัฐเสียดุลการค้า ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวรวม ๆ ว่าเป็นประเทศที่ฉ้อโกง และมีข้อตกลงการค้าที่ไม่เป็นธรรมในการส่งสินค้าเข้ามาขายในสหรัฐเป็นเวลานาน โดยให้นายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ ไปตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน นอกจากนี้ประธานาธิบดีทรัมป์ยังกล่าวด้วยว่า การขโมยความมั่งคั่งของอเมริกันจะต้องสิ้นสุดลง เขาจะปกป้องอุตสาหกรรมและสร้างพื้นที่การแข่งขันที่เท่าเทียมกัน สำหรับแรงงานอเมริกันให้ได้ในที่สุด



สำหรับคำสั่งประธานาธิบดีฉบับแรก กำหนดให้กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ หรือ ยูเอสทีอาร์ ตรวจสอบ 16 ประเทศที่สหรัฐขาดดุลการค้า โดยจะดูว่ามีความผิดปกติและละเมิดกฎเกณฑ์ทางการค้าหรือไม่ โดยในกลุ่มนี้มีประเทศที่สหรัฐขาดดุลการค้าอยู่สูงสุด 6 ประเทศ คือจีน (347,000 ล้านดอลลาร์), ญี่ปุ่น (68,900 ล้านดอลลาร์), เยอรมนี (64,900 ล้านดอลลาร์), เม็กซิโก (63,200 ล้านดอลลาร์), ไอร์แลนด์ (35,900 ล้านดอลลาร์) และ เวียดนาม (32,000 ล้านดอลลาร์) ส่วนอีก 10 ประเทศคือ อิตาลี, เกาหลีใต้, มาเลเซีย, ไทย, ฝรั่งเศส, สวิตเซอร์แลนด์, ไต้หวัน, อินโดนีเซีย และ แคนาดา



ส่วนคำสั่งฉบับที่ 2 เป็นการให้อำนาจเจ้าหน้าที่ของสำนักงานเพื่อการคุ้มครองพรมแดนและศุลกากร (ซีบีพี หรือสำนักงานศุลกากรเดิม) ของสหรัฐประเมิน และดำเนินมาตรการลงโทษทางการเงินต่อสินค้าที่ส่งเข้ามาด้วยพฤติกรรมทางการค้าผิดปกติและไม่เป็นธรรม หรือเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพื่อตอบโต้การกระทำที่เข้าข่ายการทุ่มตลาด



**ส่วนไทย เมื่อปีที่แล้วได้เปรียบดุลการค้าต่อสหรัฐ 18,900 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 15,400 ล้านดอลลาร์เมื่อปี 2558 และ 14,300 ล้านดอลลาร์เมื่อปี 2557 โดยสินค้าที่อาจได้รับผลกระทบจากคำสั่งของประธานาธิบดีคือ ชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์และยางรถยนต์ เพราะร้อยละ 35 ของยางรถยนต์ที่ใช้กันอยู่ในสหรัฐเป็นยางที่นำเข้าจากประเทศไทย ขณะที่สหรัฐและจีนเป็นตลาดสินค้าออกใหญ่ที่สุดของไทยเมื่อปีที่ผ่านมา มีปริมาณส่งออกรวมกันแล้วสูงถึงร้อยละ 11 ของสินค้าออกทั้งหมดของไทย**



ด้าน กระทรวงพาณิชย์จีนแถลงการณ์เรียกร้องให้สหรัฐเคารพกฎการค้าระหว่างประเทศ และเพิ่มความร่วมมือระหว่างทั้งสองชาติ โดยอยู่บนพื้นฐานความเท่าเทียมและได้รับประโยชน์เสมอภาค



ส่วนกระทรวงเศรษฐกิจของเยอรมนี มีความเห็นว่า คำสั่งฉบับนี้แสดงให้เห็นถึงความเคลื่อนไหวของสหรัฐที่ต้องการถอยห่างจากการค้าเสรีและข้อตกลงการค้า



ขณะที่กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมระหว่างประเทศของมาเลเซีย ระบุว่า มาเลเซียไม่ใช่ผู้ที่จะต้องรับผิดชอบต่อการที่สหรัฐขาดดุล และหากสหรัฐใช้มาตรการลงโทษมาเลเซียก็จะมีผลต่อผู้ประกอบการสหรัฐในมาเลเซียเช่นกัน



เมื่อวานนี้เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่อาคารซึ่งกำลังก่อสร้างในนครดูไบ  สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยอาคารหลังนี้ตั้งอยู่ใกล้กับศูนย์การค้าใหญ่ที่สุดของดูไบ ทั้งห่างจากอาคาร ดิ แอดเดรสส์ ดาวทาวน์ ดูไบ ไม่มากนัก โดยอาคารดิแอดเดรส ดาวทาวน์ เป็นอาคารระฟ้าความสูง 63 ชั้น ซึ่งเคยเกิดเหตุเพลิงไหม้รุนแรง เมื่อวันส่งท้ายปีเก่า 31 ธันวาคม 2558 ส่วนอาคารที่กำลังก่อสร้างหลังนี้ ชื่ออาคารคอมเพล็กซ์ ดิ แอดเดรสส์ เรซิเดนเซส ฟาวน์เทน วิวส์ เป็นโครงการที่มีความสูง 72 ชั้น ซึ่งในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่า จะเป็นอุบัติเหตุ และแม้ว่า การดับเพลิงจะทำได้อย่างรวดเร็วแต่ก็ยังทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัย



หน่วยเก็บกู้ระเบิดรวมถึงตำรวจน้ำของสหราชอาณาจักรร่วมกันเก็บกู้ระเบิด ที่ตกค้างในแม่น้ำเทมส์ ทางทิศเหนือของสะพานพูนีย์ หลังจากที่ทหารเรือพบวัตถุคล้ายระเบิดเก่าสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ตกค้างอยู่ในแม่น้ำ



ส่วนกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้รายงานว่า เรือสินค้าสเตลล่า เดซีย์ขาดการติดต่อตั้งแต่เย็นวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นเกาหลีใต้ ขณะที่อยู่ในบริเวณทางตอนใต้ของมหาสมุทรแอตแลนติก และพบผู้รอดชีวิต 2 รายแรกแล้ว ขณะที่ตำรวจน้ำอุรุกวัยและเรือสินค้าอีกลำที่อยู่ในน่านน้ำใกล้เคียง ร่วมค้นหาเรือสินค้าที่สูญหายไปหลังออกเดินทางจากท่าเรือในบราซิลตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 มีนาคม มุ่งหน้าประเทศจีน โดยเรือลำนี้มีลูกเรือฟิลิปปินส์ 16 คน และเกาหลีใต้ 8 คน



ที่โคลอมเบีย ประธานาธิบดีฮวน มานูเอล ซานโตส ผู้นำโคลอมเบีย เดินทางไปเตรียมเยี่ยมพื้นที่ประสบภัยดินถล่ม ในจังหวัดปูตูมาโย พื้นที่ชายแดนทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 254 ศพ บาดเจ็บอีกอย่างน้อย 400 คน และสูญหายไม่ต่ำกว่า 200 คน เหตุดินถล่มเกิดขึ้นหลังจากที่มีฝนตกหนักตลอดคืน วัดปริมาณน้ำฝนได้ 130 มม.หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 3 ของระดับน้ำฝนปกติที่ตกในพื้นที่แห่งนี้รวมกันตลอดทั้งเดือน ทำให้น้ำในแม่น้ำพัดพาดินโคลนเข้าท่วมอาคารบ้านเรือนและถนนหลายสายในเมืองโมกัว เมืองเอกของจังหวัดปูตูมาโย และทำลายสะพานขนาดใหญ่ 2 แห่ง ประธานาธิบดีซานโตส ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งค้นหาผู้ประสบภัยท่ามกลางสภาพอากาศเลวร้าย และสิ่งก่อสร้างที่เสียหายเกือบทั้งหมด



ส่วนที่อินโดนีเซีย เจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งค้นหาผู้ประสบภัยในเหตุดินถล่มฝังบ้านเรือนในหมู่บ้านบานารัน เขตโปโนโรโก จังหวัดชวาตะวันออก โดยพบผู้เสียชีวิต  2 ราย ยังสูญหายอีก 26 คน ที่คาดว่าจะติดอยู่ใต้ซากดินโคลนและซากบ้านเรือนกว่า 30 หลัง กับยังมีผู้บาดเจ็บอีกมากกว่า 19 คน



ที่ปารากวัยมีความรุนแรงทางการเมือง เมื่อผู้ชุมนุมบุกรุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาแล้วก่อเหตุวางเพลิง เพื่อแสดงท่าทีคัดค้านร่างกฎหมายฉบับใหม่ที่ทำให้ให้ประธานาธิบดีสามารถลงชิงตำแหน่งผู้นำสมัยที่ 2 นอกจากนี้ ประธานาธิบดี ฮอราซิโอ คาร์เตส ยังสั่งปลดรัฐมนตรีกิจการภายในและผู้บัญชาการตำรวจ หลังเกิดเหตุยิงนายร็อดริโก้ ควินตานา ที่เป็นแกนนำฝ่ายค้าน และเข้าร่วมการประท้วง



ส่วนผลการเลือกตั้งซ่อมสมาชิกรัฐสภาทั้งในระดับชาติและท้องถิ่นในเมียนมา รวม 19 ที่นั่งปรากฏว่า พรรคสันนิบาตแห่งชาติประชาธิปไตยหรือเอ็นแอลดี ของนางออง ซาน ซู จี ผู้นำเมียนมา ชนะการเลือกตั้งในหลายพื้นที่ แต่พ่ายแพ้ในพื้นที่ชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์ ซึ่งยังมีเหตุการณ์ความรุนแรง โดยเฉพาะที่รัฐมอญ ที่ผู้ชนะคือพรรคสหสามัคคีและการพัฒนาที่มีกองทัพให้การสนับสนุน ชี้ให้เห็นว่า ชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์ไม่พอใจรัฐบาล 



..

ข่าวทั้งหมด

X