สำนักงานทางหลวง และจ.สมุทรปราการเร่งให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายจากเหตุเพลิงไหม้ชุมชนใต้สะพาน

จากเหตุเพลิงไหม้ชุมชนใต้สะพานคลองชวดลากข้าว ถนนบางนา-ตราดขาออก หลักกิโลเมตรที่ 12 หมู่13และหมู่17 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ

ดร.มนตรี เดชาสกุลสม ผู้อำนวยการสำนักงานทางหลวงที่ 13 กรมทางหลวง เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบความเสียหายเบื้องต้น สะพานฝั่งขาออกทั้งทางคู่ขนานและทางหลักมีความเสียหายน้อยกว่าสะพานฝั่งขาเข้าทางหลัก ซึ่งมีเหล็กแผ่นพื้นใต้สะพานได้รับความเสียหาย จึงจำเป็นจะต้องปิดช่องทางจราจรฝั่งขาเข้าทางหลัก 2 ช่องทาง แต่จะปิดนานแค่ไหนต้องประเมินอีกครั้ง อย่างไรก็ตามในส่วนของฝั่งขาออกที่ไม่เสียหายมากนั้นก็ต้องมีการตรวจสอบและประเมินอย่างละเอียดอีกครั้งเช่นกัน ทั้งนี้สาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ เพราะ มีกลุ่มผู้บุกรุกที่สาธารณะเข้ามาอาศัยอยู่ ซึ่งทางกรมทางหลวงพยายามขอคืนพื้นที่มาโดยตลอด ส่วนที่มีข่าวว่ากลุ่มผู้บุกรุกมีการต่อสายไฟใช้นั้น ยังไม่ทราบข้อเท็จจริง แต่เท่าที่เข้าไปตรวจสอบพบว่ามีสายไฟจริง หลังจากนี้จะนำรั้วมากั้นไม่ให้ชาวบ้านหรือบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปบริเวณเกิดเหตุเพราะเกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน

ส่วนความเสียหาย นายสมบูรณ์ ชาลี ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงสมุทรปราการ กล่าวว่า สะพานข้ามคลองชวดลากข้าวมีความกว้าง 16 เมตร ยาว 18 เมตร มี 3 สะพานที่ได้รับความเสียหายคือ สะพานฝั่งขาออก 2สะพาน เส้นทางหลักเสียหาย 4 ช่วง คู่ขนานเสียหาย 1 ช่วง และ สะพานฝั่งขาเข้า 1 สะพาน เส้นทางหลักเสียหาย 2 ช่วง

นอกจากนี้การลงพื้นยังพบว่ามีเสาตอม่อที่กั้นระหว่างสะพานฝั่งขาเข้าและขาออก มีความเสียหายบางส่วน ซึ่งเจ้าหน้าที่จากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ระบุว่า เสาตอม่อได้รับความเสียหายเล็กน้อย ในลักษณะคอนกรีตกะเทาะจากเปลวไฟ ยืนยันว่าไม่กระทบในส่วนของทางพิเศษ

สำหรับการช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ นายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า ทางจังหวัดสมุทรปราการร่วมมือกับหลายหน่วยงาน จัดศูนย์บริการประชาชนไว้ที่ใต้หอพักกิตตินคร ข้างคลองชวดลากข้าว เพื่อให้ผู้เสียหายมาลงทะเบียนรับการช่วยเหลือ รวมถึงได้นำของใช้จำเป็น อาหาร มาแจกจ่าย ขณะนี้มีผู้มาลงทะเบียนแล้ว 17 ครัวเรือน รวม 47 คน อีกทั้งทางจังหวัดยัง ได้เตรียมที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับผู้เสียหายไว้แล้วที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บางพลีใหญ่ ขณะนี้มีผู้ประสงค์เข้าพัก 3 คน เนื่องจากบางคนไปอาศัยบ้านญาติบริเวณใกล้เคียง แต่จะต้องรอสรุปจำนวนอีกครั้งในช่วงเย็นนี้ขณะเดียวกันพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรบางแก้วอยู่ระหว่างการเชิญผู้เสียหายไปสอบปากคำ เพื่อหาสาเหตุเพลิงไหม้

ส่วนที่มีผู้เสียชีวิต 1 คนจากเหตุเพลิงไหม้นี้ ทราบเพียงว่าชื่อ นายสมบัติ (ไม่ทราบนามสกุล) อาศัยอยู่คนเดียว คาดว่านายสมบัติเมาสุราและหลับไปไม่รู้สึกตัว จึงไม่ได้หนีออกมา ทั้งนี้จากการตรวจสอบแล้วเป็นการบุกรุกพื้นที่สาธารณะ แต่ก็เห็นใจ หลังจากนี้ในส่วนของจังหวัดจะต้องหาที่พักรับรองผู้เสียหายไปก่อน และจะหารือกับกรมทางหลวง เจรจาให้กลุ่มเหล่านี้ออกจากพื้นที่ เพราะหากยังอยู่ต่ออาจเกิดอันตรายในลักษณะนี้อีก

...

ผสข.ธนดา เฉลิมวันเพ็ญ