ผู้นำกลุ่มโรฮิงญา ประกาศจะต่อสู้กับรัฐบาลเมียนมาร์ต่อไปท้าทายนางอองซานซูจี

นายอตา อุลเลาะฮ์ ผู้นำกลุ่มโรฮิงญาในการต่อต้านกองกำลังรักษาความมั่นคงเมียนมาร์ กล่าวผ่านวิดีโอคอล ไม่เปิดเผยสถานที่ ระบุว่า ชาวโรฮิงญาจะยังต่อสู้กับรัฐบาลทหารเมียนมาร์ต่อไป พร้อมปลุกระดมชายหนุ่มชาวโรฮิงญาให้ร่วมมือ แม้จะมีผู้เสียชีวิตนับล้านคน เว้นแต่นางอองซานซูจีจะดำเนินมาตรการปกป้องชนกลุ่มน้อยชาวโรฮิงญา ซึ่งนับตั้งแต่เกิดเหตุปะทะที่ด่านชายแดนเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ทำให้ชาวโรฮิงญาต้องอพยพหลบหนีไปยังบังกลาเทศกว่า 75,000 คน

ขณะที่โฆษกนางซูจี แถลงว่า ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมายได้ หากชาวโรฮิงญาใช้ความรุนแรง กองกำลังรักษาความมั่นคงก็จะดำเนินการด้วยวิธีเดียวกัน นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศดูภูมิหลังของกลุ่มมุสลิมโรฮิงญาด้วย โดยกล่าวว่า กลุ่มดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับองค์กรก่อการร้ายในตะวันออกกลาง แต่นายอุลเลาะฮ์ ปฏิเสธ รวมถึงการรับเงินสนับสนุนจากต่างประเทศด้วย โดยออกแถลงการณ์เมื่อต้นสัปดาห์ระบุว่า ทางกลุ่มดำรงชีวิตได้ด้วยการขายวัวกระบือ

วิกฤตปัญหาชาวโรฮิงญาเป็นปัญหาท้าทายสำคัญสุดของรัฐบาลที่นำโดยนางซูจี ซึ่งบริหารประเทศปีแรก ขณะที่ฝ่ายปกป้องนางซูจีกล่าวว่า นางซูจีไม่สามารถทำอะไรได้มาก เนื่องจากรัฐธรรมนูญไม่ได้ให้อำนาจการควบคุมเหนือกองทัพ อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งซ่อมเพื่อชิงตำแหน่ง 19 ที่นั่งวันนี้จะเป็นบททดสอบหรือตัวชี้วัดความนิยมรัฐบาลนางซูจี หลังบริหารประเทศมาได้ 1 ปี แต่การเลือกตั้งดังกล่าวคงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงดุลอำนาจของรัฐบาล ซึ่งนำโดยพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือ NLD และคาดว่า พรรค NLD จะชนะการเลือกตั้งอีก

 สำหรับบรรยากาศการเลือกตั้งซ่อมตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ไม่ค่อยได้รับการตอบรับจากประชาชนเท่าที่ควร เนื่องจากขาดการประชาสัมพันธ์ ทั้งนี้ ปัจจุบัน มีชาวโรฮิงญาอาศัยอยู่ในรัฐยะไข่ ภาคตะวันตกเฉียงเหนือของเมียนมาร์ จำนวนกว่า 1 ล้านคน โดยไม่ได้รับสิทธิความเป็นพลเมือง เสรีภาพในการเคลื่อนย้าย และเข้าถึงการบริการด้านต่างๆ เช่น สาธารณสุข

ทีมต่างประเทศ

CR:REUTERS