กรมชลประทาน สนับสนุนทำเกษตรแปลงใหญ่จ.พิษณุโลก ลดต้นทุนเพิ่มผลผิต ขายข้าวราคาสูงกว่าท้องตลาด

30 มีนาคม 2560, 16:07น.


การทำเกษตรแปลงใหญ่ ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ในวันนี้กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ลงพื้นที่ตำบลดงประคำ อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นพื้นที่ในโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษานเรศวร ที่นำน้ำจากเขื่อนนเรศวรมาใช้ทำเกษตรแปลงใหญ่  นายสุรินทร์ ทรัพย์สกุล หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษานเรศวร เปิดเผยว่า โครงการเกษตรแปลงใหญ่ประชารัฐ เริ่มเมื่อปี 2559  โดยมีพื้นที่ตำบลดงประคำ อำเภอพรหมพิรามจังหวัดพิษณุโลก เป็นพื้นที่ที่ได้รับคัดเลือกจำนวน 1,539 ไร่ จากเกษตรกร 100 ราย โดยได้รับการจัดสรรน้ำมาจากโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษานเรศวร นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานของกระทรวงเกษตรและและสหกรณ์ มาให้คำแนะนำเทคโนโลยีเพื่อช่วยลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต จนในปีแรกของการเริ่มโครงการสามารถลดต้นทุนได้ไร่ละ 700 บาท ส่วนผลผลิตข้าว เพิ่มขึ้นจากไร่ละ 500 กิโลกรัม เป็น 608 กิโลกรัม นอกจากนี้เกษตรกรยังสามารถขายข้าวให้กับสหกรณ์การเกษตรพรหมพิราม ได้ในราคาที่สูงกว่าท้องตลาดตันละ 200 บาท  และยังพบว่าข้าวที่ผลิตจากโครงการเกษตรแปลงใหญ่จากเกษตรกร 100 ราย ผ่านการตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐาน GAP จากกรมวิชาเกษตรถึง 92 ราย





ด้านการจัดสรรน้ำให้พื้นที่เกษตรแปลงใหญ่ ที่กรมชลประทาน ได้วางแผนไว้มีพื้นที่รับผิดชอบ จำนวน 95,750 ไร่ ซึ่งในฤดูแล้งปีนี้ ได้รับการจัดสรรจากเขื่อนสิริกิติ์ 33 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อส่งน้ำให้กับพื้นที่นาปรัง 31,900 ไร่ โดยสามารถบริหารจัดการน้ำ ร่วมกับแหล่งน้ำธรรมชาติ ทำให้สามารถทำนาปรังได้ถึง 77,000 ไร่ ซึ่งใช้น้ำต้นทุนจากเขื่อนสิริกิติ์ ประมาณ 30 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งอยู่ระหว่างการรอเก็บเกี่ยว และแทบจะไม่ได้ใช้น้ำจากเขื่อนเลย ทั้งนี้การทำนาแปลงใหญ่ สามารถทำให้การใช้นำในเขื่อนจัดสรรเป็นระบบ และปล่อยน้ำน้อยลดมากกว่าการทำนาปกติ เนื่องจากมีการปล่อยน้ำออกมาเป็นรอบๆ อีกทั้งมีการเก็บเกี่ยวพร้อมกัน โดยเฉลี่ยประมาณ 3 เดือน ส่วนการทำนาปกติเกษตรกรจะปลูกข้าวหลายสายพันธ์ ทำให้ปริมาณการส่งน้ำไม่เท่ากัน อย่างไรก็ตามการทำนาแปลงใหญ่นี้ มีโอกาสจะขยายไปยังพื้นอื่นๆ อีก หากเห็นว่าสามารถลดต้นทุน เพิ่มมูลค่าการผลิตได้มากขึ้น





ข่าวทั้งหมด

X