คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC ออกข้อมติที่ได้รับอนุมัติเป็นเอกฉันท์เพิ่มความคุ้มครองแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมจากสงครามและความขัดแย้ง โดยผู้กระทำผิดสามารถถูกนำตัวมาดำเนินคดีในข้อหาอาชญากรรมสงครามได้ นอกจากนี้ ข้อมติยังเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ จัดตั้งหน่วยงานพิเศษปกป้องมรดกทางวัฒนธรรมและกระชับความร่วมมือกับนานาประเทศในการปราบปรามการลักลอบมรดกทางวัฒนธรรมจากพื้นที่ขัดแย้ง รวมถึงการเจตนาทำลายมรดกของมนุษยชาติ นับตั้งแต่การทำลายพระพุทธรูปแห่งบามียานในอัฟกานิสถานจนถึงการทำลายโบราณสถานหลายแห่งที่เมืองทิมบักตู เมืองประวัติศาสตร์สำคัญของประเทศมาลี ในแอฟริกาตะวันตกในห้วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยขอให้เพิ่มการคุ้มครองอนุสรณ์สถานในพื้นที่ขัดแย้งโดยไม่คำนึงถึงภูมิศาสตร์หรือประเภทการโจมตี ไม่ว่าจะเป็นการทำลาย การขโมย หรือการลักลอบ
นางโอเดรย์ อาซูเลย์ รมว.วัฒนธรรมของฝรั่งเศส เห็นว่า เป็นภัยคุกคามสำคัญต่อความมั่นคง เนื่องจากการลักลอบมักเป็นการให้การสนับสนุนเงินทุนแก่กลุ่มก่อการร้าย ทั้งนี้ ปัจจุบันมี 7 ประเทศ อาทิ ฝรั่งเศส ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ เสนอเงินทุนจำนวน 75.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐในการคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรม ซึ่งได้รับภัยคุกคามจากสงครามและการก่อการร้าย
สำหรับการออกข้อมติของ UNSC มีขึ้นในขณะที่ศาลอาญาระหว่างประเทศในกรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ เพิ่งพิพากษาตัดสินจำคุกนักรบญิฮัดชาวมาลีคนหนึ่งเป็นเวลา 9 ปีในข้อหาก่ออาชญากรรมสงครามทำลายโบราณสถานอันมีค่าและสุเหร่าแห่งหนึ่งในเมืองทิมบักตู
...
(1045 F171)
UNESCO (@UNESCO) | Twitter