ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่า ขีปนาวุธที่ยิงเครื่องบินโบอิ้ง 777 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่เอ็มเอช 17 ตกในยูเครน ถูกยิงจากพื้นที่ของกลุ่มกบฎแบ่งแยกดินแดนในยูเครนที่ฝักใฝ่รัสเซีย และย้ำว่าจะหาความจริงที่เกิดขึ้นให้ได้ ผู้นำสหรัฐฯ ระบุด้วยว่า ขึ้นอยู่กับรัสเซียว่าจะยุติการสนับสนุนด้านอาวุธยุทโธปกรณ์และกำลังพลให้แก่กลุ่มกบฎในยูเครนหรือไม่ พร้อมเรียกร้องให้มีการพักรบในพื้นที่ดังกล่าวทันที และเปิดทางให้มีการไต่สวนจากคณะผู้แทนจากนานาชาติแบบเต็มรูปแบบ สอดคล้องกับคำกล่าวของทูตสหรัฐฯ ประจำองค์การสหประชาชาติที่ระบุในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติก่อนหน้านั้นว่า สหรัฐฯ ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่ารัสเซียให้ความช่วยเหลือกลุ่มกบฎยูเครนในการยิงขีปนาวุธโจมตีเครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ ซึ่งแม้ว่าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียจะได้ให้คำมั่นไว้หลายครั้งว่าจะให้ความร่วมมือเพื่อการเปิดการเจรจาสันติภาพในยูเครน แต่ก็ไม่ปฏิบัติตามคำมั่นที่ให้ไว้ได้ จึงเรียกร้องให้รัสเซียเป็นผู้ยุติเหตุการณ์ความไม่สงบในยูเครน
ขณะที่ทูตรัสเซียประจำองค์การสหประชาชาติแย้งว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากการกวาดล้างกลุ่มกบฎของกองทัพยูเครน พร้อมเรียกร้องให้กองทัพยูเครนยุติการใช้ปฏิบัติการทางทหารเช่นกัน ขณะเดียวกันก็ได้ยืนกรานว่าการไต่สวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องเป็นไปอย่างเป็นธรรม ปราศจากแรงกดดันใดๆ รวมทั้งได้ตั้งคำถามว่า เหตุใดทางการยูเครนจึงไม่ปิดน่านฟ้าในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการปะทะกันระหว่างกองทัพยูเครนกับกลุ่มกบฎอย่างต่อเนื่อง
ส่วนอังกฤษเรียกร้องให้องค์การสหประชาชาติ ไต่สวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมประณามกลุ่มกบฎที่ก่อเหตุ ตลอดจนยืนกรานเรียกร้องให้กลุ่มกบฎวางอาวุธ โฆษกรัฐบาลอังกฤษกล่าวว่า อังกฤษเชื่อว่าการยิงขีปนาวุธโจมตีเครื่องบินเป็นฝีมือของกลุ่มกบฎ พร้อมระบุด้วยว่าอังกฤษกำลังส่งเจ้าหน้าที่สืบสวนด้านการบินเข้าไปในยูเครนเพื่อร่วมในการสืบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด
ด้านคณะผู้สังเกตการณ์จากองค์การเพื่อความมั่นคงและความร่วมมือแห่งยุโรป หรือโอเอสซีอี เดินทางถึงบริเวณที่เครื่องบินตก ซึ่งอยู่ใกล้กับหมู่บ้านกราโบโว เมืองโดเนตส์แล้ว แต่ทูตสวิสประจำโอเอสซีอีระบุว่า คณะผู้สังเกตการณ์ยังไม่สามารถเข้าถึงจุดเกิดเหตุได้ทั้งหมด อีกทั้งยังถูกขัดขวางจากกลุ่มติดอาวุธนอกกฎหมายในท้องถิ่น