ข่าวเที่ยงครึ่ง
+++นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ เปิดเผยว่า นายฟิลิปโป แกรนดี ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ(ยูเอ็นเอชซีอาร์)คนใหม่ จะเดินทางมาเยือนประเทศไทยระหว่างวันที่ 27-30 มี.ค.นี้ โดยมีกำหนดการจะเข้าเยี่ยมคารวะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ทำเนียบรัฐบาล รวมถึงจะพบกับพล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ในวันที่ 28 มี.ค.นี้ ซึ่งจะมีการหารือถึงสถานการณ์ผู้พลัดถิ่นและผู้โยกย้ายถิ่นฐานของโลกที่เป็นเรื่องที่หลายๆประเทศต้องร่วมกันบริหารจัดการ การให้สัญชาติและส่งเสริมสิทธิของบุคคลไร้รัฐในไทย รวมถึงการส่งกลับผู้หนีภัยการสู้รบจากประเทศเมียนมา ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ทางการไทยได้ส่งผู้หนีภัยดังกล่าวที่ต้องการกลับประเทศเมียนมาด้วยความสมัครใจ แล้วจำนวน 70 คน นอกจากนี้ ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยฯ จะเดินทางไปเยี่ยมพื้นที่พักพิงชั่วคราวผู้หนีภัยจากการสู้รบบ้านแม่หละ ต.แม่หละ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ในวันที่ 29 มี.ค.นี้ ด้านน.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ไทยมีความร่วมมือที่ใกล้ชิดกับยูเอ็นเอชซีอาร์ในการให้การดูแลตามหลักมนุษยธรรมแก่ผู้หนีภัยกลุ่มต่างๆในภูมิภาคอินโดจีน การอำนวยความสะดวกร่วมกับรัฐบาลไทยและเมียนมาในการเดินทางกลับประเทศต้นทาง และการไปตั้งถิ่นฐานใหม่ในประเทศที่ 3 โดยสมัครใจของผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมา รวมถึงชาวโรฮีนจา.
+++นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แถลงข่าวกรณีรัฐบาลพยายามเรียกเก็บภาษีจากการขายหุ้นชินคอร์ปเมื่อปี 2549 จำนวน 329.2 ล้านหุ้น โดยมองว่า ประเด็นภาษีเกี่ยวกับเรื่องนี้น่าจะได้ข้อยุติไปนานแล้ว ขอเรียกร้องให้รัฐบาลและเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร พิจารณาเรื่องนี้ให้รอบคอบและบังคับใช้กฎหมายตามหลักนิติธรรม เท่าเทียม เสมอภาค ภาษีให้นายทักษิณ จะมีการฟ้องกลับหรือไม่ นายนพดล กล่าวว่า ถ้ามีการประเมินแล้วเรื่องต้องไปสู่กระบวนการยุติธรรม ตนคิดว่าจะมีการแต่งตั้งทนายความ หรือที่ปรึกษาทางกฎหมายเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ต่อไป ส่วนจะฟ้องร้องใครในชั้นต้น ขณะนี้ยังไม่สามารถพูดได้ เพราะเป็นเรื่องที่ทีมทนายความต้องไปพิจารณาก่อน แต่โดยหลักเราต้องรักษาสิทธิที่พึงมีของนายทักษิณ เมื่อถามว่า สตง.แย้งว่าสามารถเรียกเก็บภาษีได้ ใช้ตามช่องทางมาตรา 61 ของประมวลรัษฎากรสามารถทำได้หรือไม่ นายนพดล กล่าวว่า มองว่าเรื่องนี้จบไปแล้ว การจะประเมินภาษีนายทักษิณต้องใช้มาตรา 19 ของประมวลรัษฎากร ซึ่งเจ้าหน้าที่ประเมินจะต้องออกหมายเรียกตรวจสอบภาษีภายใน 5 ปี ส่วนที่ผู้มีอำนาจระบุว่า การเรียกประเมินภาษีนายพานท้องแท้ และน.ส.พินทองทา เปรียบเสมือนเรียกประเมินภาษีไปยังนายทักษิณแล้ว ซึ่งก็เป็นข้อโต้แย้งของฝ่ายที่จะประเมินภาษี แต่ฝ่ายที่ถูกประเมินมีความเห็นว่า เรื่องนี้จบสิ้น และขาดอายุความไปแล้ว ต้องนำเสนอความเห็นทางกระบวนการกฎหมายต่อไป
+++น.ส. พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยในเดือนก.พ. มีมูลค่า 18,470 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือติดลบร้อยละ 2.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือเป็นการกลับมาติดลบครั้งแรกในรอบ 4 เดือน เนื่องจากฐานการส่งออกในเดือนก.พ. 59 นั้น อยู่ในระดับสูง จากการส่งออกทองคำ และสินค้ากลุ่มอากาศยาน แต่ปี 2560นี้ไม่มีการส่งออก แต่เมื่อรวมช่วง 2 เดือนแรกของปี ยังมีมูลค่าการส่งออก 35,569ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 2.5 ขณะที่ การนำเข้าเดือนก.พ.มีมูลค่า 16,860 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 20.4 ส่งผลให้ยังเกินดุลการค้า 1,610 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ดี หากหักสินค้าทั้ง 2 รายการนี้ออกไป จะทำให้การส่งออกในเดือนก.พ. ขยายตัวเป็นบวกถึง ร้อยละ 8.5 จึงถือว่าเป็นปัจจัยที่มากระทบเป็นการชั่วคราว เพราะขณะนี้ การส่งออกของไทย กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ตามเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะสหรัฐ ที่เศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น สอดคล้องกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เช่นเดียวกับ เศรษฐกิจจีนที่มีโอกาสขยายตัวได้ในระดับที่ใกล้เคียงกับปีก่อน โดยการส่งออกไปตลาดจีน ขยายตัวถึงร้อยละ 31.1 สูงสุดในรอบ 4 ปี รวมทั้งการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัวร้อยละ 13.9 จากยางพารา กุ้งสดแช่แข็งและแปรรูป และข้าว เป็นต้นเบื้องต้น มั่นใจว่าการส่งออกในปีนี้ จะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 3% หรือมีมูลค่า เฉลี่ยเดือนละ 18,500-18,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐแน่นอน
+++พรรคเพื่อไทย เสนอให้ รัฐบาลจัดตั้งคณะกรรมการอิสระซึ่งมาจากทุกภาคส่วน เป็นกลางและเที่ยงธรรม ได้รับการยอมรับจากสังคม และยกเลิกคณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง คณะอนุกรรมการบูรณาการข้อคิดเห็นและเสนอแนะและคณะอนุกรรมการจัดทำข้อเสนอกระบวนการปรองดอง ที่ขาดความเป็นอิสระและความเป็นกลาง โดยเมื่อคณะกรรมการอิสระได้ดำเนินการแล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ให้เผยแพร่รายงานและข้อเสนอดังกล่าวต่อสาธารณชนพร้อมกับการเสนอต่อคณะกรรมการ ป.ย.ป. และรัฐบาลโดยจะต้องไม่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อเสนออันเป็นสาระสำคัญของคณะกรรมการอิสระ โดยความเห็นและข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระจะต้องมีการนำไปปฏิบัติให้เกิดเป็นรูปธรรมและผูกพันผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายไม่ว่าฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหารและฝ่ายตุลาการ และ ในระหว่างการดำเนินการของคณะกรรมการอิสระ คสช.และรัฐบาลต้องสร้างบรรยากาศของความเป็นประชาธิปไตยโดยเปิดโอกาสให้นักวิชาการ สื่อมวลชน องค์กรภาคประชาชนและผู้ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้ง ได้มีโอกาสเสนอความคิดเห็นได้อย่างเสรี ปราศจากการคุกคามในทุกรูปแบบ และยกเลิกคำสั่งและประกาศของ คสช.หรือหัวหน้า คสช.ที่จำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนทั้งหมด
+++ความคืบหน้าเหตุอุปกรณ์ช่วยยกคานรองรับทางวิ่งรถไฟฟ้า (Lifting Frame) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต สะพานใหม่ คูคต ได้ร่วงหล่นลงมาบน ถ.พหลโยธิน ฝั่งขาเข้า ใกล้แยกรัชโยธิน ทำให้รถยนต์นิสสัน มาร์ช สีเขียว ทะเบียน ญฌ 1024 กทม.ที่มี น.ส.สุพรรณี ลาสุดี พนักงานคลินิกเสริมความงาม เป็นคนขับ ได้รับความเสียหาย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 มี.ค. ซึ่งต่อมาการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้ให้ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ได้ให้การดูแลและรับผิดชอบค่าเสียหายอย่างเต็มที่นั้น น.ส.สุพรรณี พร้อมนายปรีชา สุขขวัญ ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย และตัวแทนบริษัท อิตาเลียนไทยฯ ได้เข้าพบ ร.ต.ท.จักรพงศ์ พิทักษ์กรสกุล รองสารวัตร (สอบสวน) สน.พหลโยธิน เพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยเรื่องค่าเสียหาย และค่าทำขวัญกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ทั้ง 2 ฝ่ายยังตกลงกันไม่ได้ เจ้าหน้าที่จึงนัดเจรจากันอีกครั้งในเวลา 10.00 น.วันที่ 31 มี.ค. ที่ สน.พหลโยธิน นายปรีชา กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนบริษัท ขอนำข้อเรียกร้องของผู้เสียหายไปเสนอกับผู้ใหญ่ที่มีอำนาจในการพิจารณาก่อน ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะมีการเยียวยาอย่างไรบ้าง ส่วนการเยียวยาที่ น.ส.สุพรรณี ได้เรียกร้องเกี่ยวกับรถยนต์ที่เสียหายว่าจะชดใช้อย่างไร และบริษัทจะเยียวยาตามการร้องขอหรือไม่ ต้องนัดหมายเจรจาอีกครั้งหนึ่ง ส่วนข้อเสนอเรื่องค่าใช้จ่ายที่ยังตกลงไม่ได้ เพราะอาจดูสูงเกินไป ทางบริษัทต้องการหลักฐานให้ครบถ้วนก่อน ซึ่งจริงๆแล้ว ความเสียหายแบบนี้สามารถประเมินความเสียหายในภาพรวมได้ ด้าน น.ส.สุพรรณี กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถไปทำงานได้ และยังหวาดผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขับรถยังไม่ได้ หากใครสอบถามอะไรก็สะเทือนใจ และร้องไห้บ่อยๆ นอนไม่หลับจากความกังวลเกี่ยวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยากให้ทางบริษัท เร่งเยียวยาโดยเร็ว เสียใจว่าทำไมถึงสรุปเรื่องไม่ได้ ตนอยากฟังว่า อีกฝั่งจะชดเชยตนได้อย่างไรบ้าง แต่ไม่ขอระบุว่าเป็นจำนวนเงินเท่าไร