สรุปข่าว 19.35 น
+++พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) และรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวให้ความเห็นถึง การต่ออายุราชการว่า ตอนนี้มีคำสั่งโปรดเกล้าฯให้เกษียณอายุราชการ ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายนออกมาแล้ว และวันที่ 1ต.ค. ก็จะเป็นนายทหารนอกราชการแล้ว ซึ่งไม่น่าจะมีการต่ออายุราชการส่วนคนที่จะรับตำแหน่ง ผบ.ทอ.คนใหม่นั้น จะต้องมีความพร้อมในการทำงาน รับภาระทุกเรื่องของกองทัพอากาศได้อย่างสมภาคภูมิ และคำนึงถึงความอาวุโส ทั้งนี้ยืนยันถึงแม้จะมีการจัดตั้งรัฐบาลแล้ว คสช.ก็จะยังทำงานควบคู่กันไป พร้อมทั้งดูแลในภาพรวมในส่วนของกองทัพด้วย
+++หลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เตรียมส่งสำนวนชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในโครงการรับจำนำข้าว ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ให้อัยการสูงสุดพิจารณายื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในสัปดาห์หน้า นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด (อสส.) กล่าวว่า ไม่รู้สึกหนักใจอะไร แม้จะเป็นคดีเกี่ยวกับการเมือง เพราะอัยการจะพิจารณาไปตามพยานหลักฐาน และให้ความยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย เพื่อผลประโยชน์ของชาติ โดยจะตั้งคณะทำงานอัยการขึ้นพิจารณา ยึดหลักความเป็นธรรม รอบคอบ สามารถตอบคำถามต่อสังคมได้ ซึ่งเป็นนโยบายที่ตนได้แจ้งให้พนักงานอัยการทั่วประเทศปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
+++นายวันชัย รุจนวงศ์ อธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ระหว่างนี้อัยการไม่มีอำนาจตามกฎหมายใดๆ ที่จะสั่งห้ามผู้ถูกกล่าวหาเดินทางออกนอกประเทศ หรือจะร้องศาลสั่งห้ามออกนอกประเทศ แต่ถ้ายื่นฟ้องคดีแล้วในการพิจารณาห้ามเดินทางออกนอกประเทศอาจเป็นดุลพินิจของศาลฎีกาฯ ในการพิจารณากำหนดเป็นเงื่อนไขเมื่อจำเลยยื่นขอปล่อยชั่วคราวได้ ซึ่งเมื่อขณะนี้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อนุญาตให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางออกนอกประเทศได้ก็เป็นอำนาจของ คสช. ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ส่วนของอัยการสูงสุดก็จะมีเวลา 30 วันในการพิจารณาสำนวนหลักฐานที่ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งกำลังจะส่งมาให้เพียงเท่านี้
+++นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ปาฐกถาพิเศษ "ทิศทางเศรษฐกิจการเงินไทย" ว่า การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในช่วงเดือนพฤษภาคม โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ช่วยลดความไม่แน่นอนทางการเมืองลงได้มาก หลายฝ่ายจึงมีความคาดหวังในเชิงบวกมากขึ้น จากข้อมูลตัวเลขดัชนีเครื่องชี้วัดเศรษฐกิจของไทยล่าสุดเริ่มแสดงให้เห็นถึงสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั้งด้านการอุปโภคบริโภคและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง คาดว่าครึ่งปีหลังเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวและเข้าสู่ภาวะปกติในปีหน้า โดยประมาณการว่าเศรษฐกิจปีนี้จะขยายตัวอยู่ในระดับร้อยละ 1.5 และขยับขึ้นร้อยละ 5.5 ในปี 2558 หากปัจจัยทุกอย่างดีขึ้น
+++นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร ชี้แจงคำสั่ง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกประกาศให้มีการปรับลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) นั้น เป็นการเห็นชอบให้มีการขยายเวลาการจัดเก็บภาษีดังกล่าวที่อัตรา ร้อยละ 7 ออกไปอีก 1 ปี คือในปีงบประมาณ 58 ตั้ง แต่ 1 ต.ค. 57-30 ก.ย. 58 ในส่วนที่ประกาศให้มีการลดภาษีแวตเหลือ ร้อยละ6.3 นั้น ยังไม่รวมการเรียกเก็บภาษีแวตแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในอัตรา 1 ใน 9 ของอัตราภาษีที่จัดเก็บอยู่ หรืออัตราร้อยละ 0.7 ดังนั้นหากรวมในส่วนของ อปท. แล้ว อัตราภาษีแวตจะยังคงอยู่ที่ระดับ ร้อยละ7 เช่นเดิม ส่วนการจัดเก็บภาษีแวตในปีงบประมาณ 59 ตั้งแต่ 1ต.ค. 58-30 ก.ย. 59 นั้น หากพิจารณาตามประกาศแล้ว จะพบว่าอัตราการจัดเก็บภาษีแวตจะอยู่ที่ 10% ซึ่งเป็นอัตราการจัดเก็บปกติตามกฎหมายของกรมสรรพากร แบ่งเป็น การเก็บภาษีแวตที่ ร้อยละ9 รวมกับการเรียกเก็บภาษีแทน อปท. ที่อัตรา 1 ใน 9 คือร้อยละ 1 รวม เป็น ร้อยละ 10
+++นางสาวชุติมา บุณยประภัศร ปลัดก.พาณิชย์ เชื่อการประกาศปรับภาษีมูลค่าเพิ่มจากร้อยละ 7 เป็นร้อยละ 10 ในเดือน ต.ค.ปี 58 เนื่องจากเห็นว่าเศรษฐกิจเริ่มมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับปีหน้าจะรวมเป็นประชาคมอาเซียนเต็มรูปแบบ จึงต้องปรับให้สอดคล้องกับประเทศในอาเซียน เชื่อประชาชนไม่ตื่นตกใจจนชะลอการจับจ่าย-บริโภค
+++ที่ ประชุมสภากทม. ศาลาว่าการกทม. นายสมชาย เวสารัชตระกูล รองประธานสภากทม. คนที่ 1 ในฐานะรองประธานคณะกรรมการวิสามัญ พิจารณาร่างข้อบัญญัติงบประมาณ ประจำปี 58 แถลงชี้แจง มติที่ประชุมกรณีตัดงบประมาณดูงานต่างประเทศในปี 58 ของทุกหน่วยงาน เพื่อประหยัดงบประมาณ ตามนโยบายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กว่า 400 ล้านบาท ออกไปทั้งหมด ซึ่งจะไม่มีหน่วยงานของกทม. เดินทางไปดูงานต่างประเทศ เพื่อจะนำงบประมาณดังกล่าวไปพัฒนากทม. เช่นการศึกษา ซึ่งโรงเรียนสังกัดกทม. 438 แห่ง รวมถึงการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งขณะนี้หลายจังหวัดเริ่มประสบปัญหาน้ำท่วมแล้ว
ต่างประเทศ
+++สำนักข่าวอาร์ไอเอของรัสเซียรายงานอ้างแถลงการณ์กระทรวงกลาโหมรัสเซียวันนี้ว่า รัสเซียตรวจจับคลื่นเรดาร์ที่มาจากระบบขีปนาวุธแบบบู๊กของยูเครนได้เมื่อวันพฤหัสบดี ซึ่งเป็นช่วงที่เครื่องบินสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ถูกยิงตกเหนือพื้นที่ทางตะวันออกของยูเครน ระบบขีปนาวุธแบบบู๊กของยูเครนดังกล่าว ตั้งอยู่ทางใต้ของเมืองโดเนตสค์ที่อยู่ทางภาคตะวันออกของยูเครน ล่าสุดกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดน ได้พบ ‘กล่องดำ’ บันทึกเสียงของนักบินและข้อมูลการบิน ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการไขปริศนาหาสาเหตุเครื่องบินตกแล้ว พร้อมกับจะส่งให้แก่ทางการกรุงมอสโกตรวจสอบต่อไป รายงานอ้างการเปิดเผยของพยานหลายคนในที่เกิดเหตุเครื่องบินตก ว่า ทีมเจ้าหน้าที่กู้ภัยในยูเครน มีทั้งคนงานเหมืองแร่ ตำรวจท้องถิ่น ได้พบกล่องดำอันที่ 2 ด้วย อย่างไรก็ตาม ยังคงไม่มีภาพของกล่องดำเผยแพร่ออกมา เพื่อที่จะยืนยันและสร้างความน่าเชื่อถือว่าข่าวการพบกล่องดำเป็นเรื่องจริง
+++นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล กล่าวกับผู้สื่อข่าวก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ว่า อิสราเอลพร้อมที่จะเปิดแนวรุกทางภาคพื้นดินในเขตฉนวนกาซาให้กว้างขึ้น ระบุว่ากองทัพอิสราเอลต้องการจะทำลายอุโมงค์ใต้ดินของกลุ่มฮามาส เพราะไม่สามารถทำลายจากการโจมตีทางอากาศ ด้านกลุ่มฮามาสของปาเลสไตน์ ซึ่งปกครองเขตฉนวนกาซา กล่าวว่า อิสราเอลจะต้องรับผลร้ายที่จะเกิดขึ้นจากการบุกโจมตี การตัดสินใจส่งทหารบุกทางภาคพื้นดินของอิสรเอลมีขึ้นหลังการระดมยิงจรวดและการโจมตีทางอากาศอย่างรุนแรงของทั้งสองฝายตลอด 10 วัน มีพลเมืองชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 24 คน และทหารอิสราเอล 1 คนเสียชีวิตนับตั้งแต่อิสราเอลเริ่มบุกทางภาคพื้นดินเมื่อวาน
หุ้นไทยและต่างประเทศ
+++ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดตลาดวันนี้ ร่วง 2.25 จุด ที่ 1,533.41 จุด มูลค่าการซื้อขาย 64,967.28 ล้านบาท นักวิเคราะห์หลักทรัพย์กล่าวว่าภาพรวมของตลาดหุ้นไทยยังแข็งแกร่งกว่าตลาดต่างประเทศที่มีปัจจัยกดดันเรื่องปัญหาในยูเครน หลังกลุ่มสนับสนุนรัสเซีย ยิงเครื่องบินโดยสารของ Malaysian Airlines คืนวานนี้ ที่อาจกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงทางการเมืองระหว่างประเทศที่สำคัญ แต่มีแรงขายเทกำไรออกมานำโดยกลุ่ม ICT หลังมีข่าวว่า ทางคณะรักษาความสบงแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งให้กสทช. ชะลอการประมูลคลื่นความถี่เพื่อกิจการโทรคมนาคมออกไป 1 ปี
+++ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดตลาด ลดลง 154.55 จุด ที่ 15,215.71 จุด
+++ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดลดลง 66.08 จุด ที่ 23,454.79 จุด