การตรวจสอบอาคารการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) สํานักงานใหญ่ซึ่งเกิดเหตุเพลิงไหม้ มีหลายหน่วยงานเข้าร่วมตรวจสอบ อาทิ พล.ต.ท. ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล, กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่ากรุงเทพมหานคร, ดร. ธเนศ วีระศิริ นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.), เจ้าหน้าที่สำนักงานโยธา เขตหลักสี่ และนายเสรี ศุภราทิตย์ ผู้ว่าการ กปภ.
ภายหลังการตรวจสอบ ดร.ธเนศ นายกวิศวกรรมสถานฯ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบลักษณะทางกายภาพของอาคารเบื้องต้น พบว่าโครงสร้างหลักคาที่ทำจากเหล็กเสียรูปทรง ต้องรื้อออกทั้งหมด เพราะเหล็กถูกความร้อนจนเสียรูปทรง บิดตัว และพื้นชั้น 4 บางจุดแอ่นตัว จึงเสนอให้ กปภ. ทำความสะอาดพื้นก่อนจะเข้าตรวจสอบความเสียหายและตรวจสอบกำลังรับน้ำหนักอีกครั้ง โดยสามารถเข้าไปขนย้ายอุปกรณ์ต่างๆ ในชั้น 1-3 ออกจากอาคารได้ ยืนยันว่าอาคารแห่งนี้จะไม่ยุบหรือทรุดตัว เนื่องจากจุดที่เกิดเพลิงไหม้คือชั้น 4 ไม่ใช่ชั้นล่าง จึงไม่กระทบต่อเสาอาคาร
ด้านนายจักกพันธุ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า หลังจาก วสท. และเจ้าหน้าที่สำนักงานโยธา ตรวจสอบโครงสร้างอาคารเสร็จเรียบร้อย คาดว่าจะทราบผลการตรวจสอบภายใน 3 วัน เบื้องต้นสั่งระงับการเข้าใช้อาคารแล้ว และกล่าวด้วยว่า อาคารที่เกิดเหตุ เป็นอาคารที่ก่อสร้างตั้งแต่ปี 2525 มีการก่อสร้างถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมเพิ่มเติมว่าอาคารสูงขนาดใหญ่ในเขตกรุงเทพมหานครทั้งหมด มีประมาณ 3,000 แห่ง ส่วนอาคารขนาดใหญ่ที่ก่อสร้างก่อนมีพ.ร.บ. ควบคุมอาคาร จะต้องมีการสุ่มตรวจสอบ มีประมาณ 1,300 แห่ง และระบบป้องกันอัคคีภัยเบื้องต้นในอาคารเหล่านี้จะต้องมีถังดับเพลิงเคมี ถังฉีดน้ำ และเสียงเตือน
ส่วนนายเสรี ผู้ว่าการ กปภ. ยืนยันว่า การเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ไม่กระทบต่อเอกสารสำคัญของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ประจำ กปภ. ซึ่งมีระบบข้อมูลในเซิร์ฟเวอร์ ส่วนเอกสารที่เป็นคดีร้องเรียนกว่า 30 เรื่อง และมีมูลต่อการตรวจสอบวินัย การทุจริต จะอยู่ที่ฝ่ายกฎหมาย ซึ่งตั้งอยู่ภายในอาคาร 1 สำหรับการเอกสารที่ได้รับความเสีย จะเป็นบัญชีรายรับ-รายจ่าย การเบิกจ่าย และแบบวิศวกรรมก่อสร้างอาคาร กปภ. เขตต่างๆ ที่อยู่ในฮาร์ดดิส ชั้น 3 :7 ยืนยันว่าไม่กระทบต่อการให้บริการประชาชน และจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด โดยขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายได้
...
ผสข.สมจิตร์ พูลสุข