นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมทีมทนายความในคดีโครงการรับจำนำข้าว นายพิชิต ชื่นบาน / นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง/นายสมหมาย กู้ทรัพย์ แถลงข่าวหลังจากที่ คณะกรรมป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด
นางสาวยิ่งลักษณ์ตั้งข้อสังเกตุว่า กระบวนการยุติธรรมนั้นเป็นไปตามหลักนิติธรรมสากลหรือไม่ เพราะมองว่าเป็นการพิจารณาที่มีความเร่งรีบ รวบรัด ซึ่งใช้เวลาแจ้งข้อกล่าวหาเพียง แค่ 21 วัน และหลังจากนั้นก็ชี้มูลความผิดอาญา ภายใน 140 วัน ซึ่ง ป.ป.ช.ไม่เคยปฏิบัติลักษณะนี้กับคดีอื่น ๆที่ดำเนินการกับนักการเมือง เช่น การดำเนินคดีกับการโครงการประกันราคาข้าว ที่ ป.ป.ช.ใช้เวลาในการดำเนินการนานไม่น้อยกว่า 4 ปี ส่วนการปฏิบัติ ของ ป.ป.ช. เมื่อเทียบกับคดีอื่น ๆ เห็นว่า คดีนี้มีพฤติการณ์ รวบรัด เป็นกรณีพิเศษในการเลือกรับฟังพยาน ตัดสิทธิในกระบวนการยุติธรรม ในการเสนอพยานบุคคล และไม่รอผลการพิสูจน์เรื่องสต็อกข้าวให้เสร็จก่อน และการไม่ไตร่สวนข้อเท็จจริง กรณีการลงบันทึกบัญชี ที่วันนี้ยังมีข้อขัดแย้งที่แตกต่างกันของคณะอนุกรรมการปิดบัญชี รวมถึงได้ยื่นขอคัดค้าน การมาทำหน้าที่ของนายวิชา มหาคุณ มา3 ครั้งแต่ยังไม่ได้รับการพิจารณา การบริหารงาน มีขั้นตอนและกระบวนการตรวจสอบที่ชัดเจน มองว่า ข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช. กลับฟังความข้างเดียว ในขณะที่ความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังเห็นไม่ตรงกันในข้อเท็จจริง ส่วนการระบายข้าวนั้น ก็ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง ซึ่งไม่ได้มีโอกาสหักล้างในประเด็นนี้ แต่ ปปช.มีการนำเข้ามาชี้มูลด้วย
ได้ขอให้ คณะกรรมการ ปปช. สอบพยานเพิ่มเพื่อหาความเป็นธรรม แต่ ปปช. ก็ปฏิเสธมาโดยตลอด ซึ่งยังมีข้อเท็จจริงอีกหลายเรื่องที่ไม่ได้ชี้แจง เช่น กรณีข้าวเสื่อมสภาพและข้าวหาย และมองว่า ไม่เป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา
ส่วนกรณีที่จะเดินทางไปประเทศ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศษ เยอรมัน และเบลเยี่ยม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยืนยันว่าเป็นการเดินทางส่วนตัว และจะเดินทางกลับมา เพราะได้เตรียมตัวเดินทางล่วงหน้าก่อนที่ ปปช.จะชี้มูลความผิด
ด้านนายสมหมาย ทนายความ กล่าวว่า กำหนดการชี้มูลเดิมคือเดือนก.ย. แต่ป.ป.ช.กลับเร่งรัดโดยการชี้มูลเร็วขึ้น และอดีตนายกได้ยื่นเรื่องขอคัดค้านคดีหลายหน เพื่อให้สอบพยานในฝั่งผู้ถูกกล่าวหาเพิ่ม แต่กลับไม่ได้รับการพิจารณา และยังขอตั้งข้อสังเกตุ ด้วยว่า การกล่าวหาและการไตร่สวนของ ปปช.เลือกรับฟังพยานหลักฐานครบถ้วนหรือไม่ ทีมทนายตั้งคำถามไปยังป.ป.ช.ด้วยว่า ได้ปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมของรัฐ ที่สอดคล้องกับประกาศของคสช.ฉบับที่63 ซึ่งการทำหน้าที่จะไม่นำไปสู่ความขัดแย้ง ความแตกแยกในสังคม ไม่เลือกปฏิบัติ แล้วหรือไม่ โครงการรับจำนำข้าวเป็นโครงการที่ใช้ในการหาเสียงและแถลงต่อสภา นายกรัฐมนตรีมีหน้าที่แค่ดูแลนโยบานเมื่อทราบว่ามีการทุจริต ได้มีการดำเนินคดีกว่า 300 ราย จึงไม่ใช่การปล่อยปะละเลย นายนรวิทย์ กล่าวเว่า สำนวนที่จะยื่นฟ้อง มีหลายข้อที่ยังไม่สมบูรณ์