*กบฎยูเครน ให้สอบสวนนานาชาติเข้าพื้นที่เครื่องบินตกพร้อมสนับสนุนงาน*

ความคืบหน้าเหตุเครื่องบินโบอิ้ง เที่ยวบิน เอ็มเอช17 ของมาเลเซีย แอร์ไลน์ ที่ออกเดินทางจากอัมสเตอร์ดัมส์ มุ่งหน้าสู่กัวลาลัมเปอร์ แต่ตกในดินแดนของฝ่ายกบฏทางตะวันออกของยูเครน ใกล้ชายแดนติดต่อกับรัสเซีย ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายในสงครามกลางเมืองยูเครน ต่างก็กล่าวหาอีกฝ่ายว่าเป็นผู้ยิงขีปนาวุธโจมตีเครื่องบิน ซึ่งนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค แห่งมาเลเซีย ทวิตเตอร์ข้อความว่ารู้สึกตกใจมาก และเรียกเหตุการณ์นี้ว่าเป็นวันของโศกนาฏกรรมในปีแห่งโศกนาฏกรรมของมาเลเซีย และว่า ผลการสืบสวนสอบสวนจะต้องปราศจากข้อสงสัยใดๆ ซึ่งในขณะนี้มาเลเซียส่งคณะทำงานไปยูเครนเพื่อร่วมการสืบสวนสอบสวนแล้ว

ด้านองค์การเพื่อความมั่นคง และความร่วมมือแห่งยุโรป หรือ โอเอสซีอี เปิดเผยว่า กลุ่มกบฏยูเครน ยินยอมให้ผู้ตรวจสอบจากนานาชาติ เข้ามาในพื้นที่ที่เครื่องบินตกได้ โดยประกาศว่าจะปิดกั้นพื้นที่ และยินยอมให้ทางการท้องถิ่น เริ่มการทำงานเพื่อค้นหาศพได้ นอกจากนี้ยังจะสนับสนุนการทำงานของคณะผู้ตรวจสอบนานาชาติ และผู้ตรวจสอบโอเอสซีอี กับให้ความร่วมมือกับทางการยูเครนด้วย ซึ่งประกาศให้พื้นที่เป็นเขตห้ามบินแล้ว

เครื่องบินลำนี้มีผู้โดยสาร 298 คนบนเครื่อง ตามประกาศของสายการบินที่ชี้แจงว่าเป็นชาวเนเธอร์แลนด์อย่างน้อย 154 คน ออสเตรเลีย 27 คน มาเลเซีย 43 คนซึ่งรวมถึงพนักงานบนเครื่อง และมีอินโดนีเซีย 12 คนกับอังกฤษอีก 9 คน นอกจากนี้ยังมีผู้โดยสารจากเยอรมนี เบลเยี่ยม ฟิลิปปินส์ และแคนาดา แต่ยังมีผู้โดยสารอีก 41 คนที่ยังไม่มีการยืนยันสัญชาติ ตามที่ทางการออสเตรเลีย เพิ่มเติมว่า ผู้โดยสารกลุ่มหนึ่งบนเครื่อง คือผู้ที่กำลังเดินทางมาเข้าร่วมการประชุมนานาชาติ ว่าด้วยเอชไอวี/เอดส์ ที่เมลเบิร์น ออสเตรเลีย

ด้านนายเซอร์กี โควาลยอฟ หัวหน้าสหพันธ์การควบคุมการจราจรทางอากาศรัสเซีย เปิดเผยว่า น่านฟ้าทางตะวันออกของยูเครน ยังคงเปิดอยู่แม้ว่าจะมีความขัดแย้งในพื้นที่ และมีเหตุยิงเครื่องบินที่มีเพดานการบินต่ำ และเฮลิคอปเตอร์ตกมาแล้ว รวมถึงเครื่องบินของกองทัพยูเครนด้วย แต่ในระดับเพดานการบินที่ 10,000 เมตร อาวุธที่จะใช้ยิงจะต้องเป็นขีปนาวุธ อย่างไรก็ตามเหตุที่เกิดขึ้นก็มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นความผิดพลาด หรือเหตุก่อการร้ายได้เช่นกัน

ก่อนหน้านี้โฆษกของกองกำลังนาโต้เปิดเผยว่า มีการเคลื่อนย้ายอาวุธหนักออกจากคลังสรรพาวุธของกองทัพรัสเซีย ไปสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนยูเครน ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้สหรัฐอเมริกาเพิ่มมาตรการลงโทษรัสเซีย

 ...F163..