พลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาสวมซากรถ ด้วยการนำทะเบียนรถเก่าที่เสียหายไม่สามารถใช้ได้มาสวมในรถใหม่ที่โจรกรรมมา 3 คน คือนางสาวโชติญา พรเพ็ง อายุ 20 ปี นางสาวอรฎา เทพกุญชร อายุ 19 ปี และนายกอบสุข พรชีวสุนทร อายุ 47 ปี ในข้อหาร่วมกันปลอมแปลงเอกสารราชการ,ฉ้อโกง,และนำเข้าสู่ระบบ พร้อมของกลางรถยนต์ 5 คัน, สมุดคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ปลอม จำนวน 3 เล่ม, แผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีรถยนต์ประจำปีปลอม จำนวน 10 แผ่น, ใบขับขี่ปลอม จำนวน 2 ใบ ผู้ต้องหาจะใช้สื่อทางโซเชียลมีเดียเพื่อจำหน่ายรถยนต์หลุดจำนำ พร้อมรับทำเอกสารปลอมสวมทะเบียนรถยนต์เพื่อนำมาจำหน่าย ทั้ง ใบขับขี่, ป้ายแสดงการเสียภาษีประจำปี, เล่มทะเบียนรถยนต์ และทะเบียนรถยนต์ พลตำรวจเอกสมยศ เปิดเผยว่า การสวมซากรถเป็นสาเหตุหลักการเกิดโจรกรรมรถ กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) จึงตามสืบว่าวีธีการทำและทำให้รู้ว่าวิธีการสวมซากรถโดยการโอนทะเบียนไปต่างจังหวัดเพื่อทำการจดทะเบียนใหม่ จังหวัดที่พบว่ามีการโอนทะเบียนมากที่สุดคือจ.สกลนคร และ จ.ปราจีนบุรี และจากการตรวจสอบพบว่ามีรถสวมซากบนท้องถนนกว่า500คัน จะมีหนังสือแจ้งเจ้าของรถว่าเป็นรถสวมซาก ซึ่งหากเป็นรถที่ซื้อจากเต๊นท์รถอย่างถูกต้อง และบริสุทธิ์ใจ จะไม่มีความผิดใดๆ เนื่องจากรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หลังจากนี้จะขยายผลและตัดวงจรการสวมซากรถอย่างยั่งยืน ด้วยการเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น บริษัทประกันภัย ก.พาณิชย์ และกรมการขนส่งทางบก มาร่วมประชุมหาวิธีป้องกัน
สานนท์