+++สหประชาชาติ(ยูเอ็น) เป็นแกนนำสอบสวนเหตุสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบินเอ็มเอช 17 เครื่องบินโบอิ้ง 777-200 อีอาร์ บรรทุกผู้โดยสาร 283 คน เป็นทารก 3คน ลูกเรือ 15คน รวม 298คน ผู้โดยหลายสัญชาติ ชาวดัตช์มากสุด 154คน
มีเส้นทางจากกรุงอัมสเตอร์ดัม ในเนเธอร์แลนด์ มุ่งหน้ากรุงกัวลาลัมเปอร์ ในมาเลเซีย ขาดการติดต่อกับหอบังคับการบินพลเรือนของยูเครนเมื่อบ่ายวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ก่อนประสบเหตุตกที่ทุ่งหญ้าใกล้เมืองโดเนตสก์ ทางตะวันออกของยูเครน
อังกฤษ เรียกร้องให้เปิดการสอบสวนโดยมียูเอ็นเป็นแกนนำ และให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเปิดประชุมฉุกเฉินเพื่อหารือวิกฤตการณ์ในภาคตะวันออกของยูเครน ล่าสุดมีรายงานว่า มีการนัดประชุมด่วน
+++คณะกรรมาธิการยุโรปออกแถลงการณ์เรียกร้องให้เร่งสืบหาความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นและใครเป็นผู้รับผิดชอบ
+++นายบัน คี มูน เลขาธิการยูเอ็น ระบุว่า การสอบสวนจะต้องโปร่งใส ครบถ้วน และเป็นสากล
+++นายกรัฐมนตรีโทนี่ แอบบอตต์ ของออสเตรเลีย กล่าวผ่านทางสถานีวิทยุเอบีซีว่า นับเป็นโศกนาฏกรรมร้ายแรงสำหรับชาวออสเตรเลีย และขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งไปยังทุกคนที่เกี่ยวข้องกับบุคคลที่อยู่บนเครื่องบิน ออสเตรเลียกำลังประสานกับเจ้าหน้าที่ของทางการเนเธอร์แลนด์และมาเลเซียในการส่งเจ้าหน้าที่ไปยังกรุงเคียฟของยูเครน
+++บรรดาสายการบินยุโรปและสหรัฐได้ปรับเปลี่ยนเส้นทางการบิน
+++การบินไทย แจ้ง ผ่าน FB ว่า ตอนนี้ ทุกเที่ยวบิน ไม่ได้บินผ่านน่านฟ้ายูเครนแล้ว
+++ยูโรคอนโทรล ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลความปลอดภัยด้านการบินในยุโรประบุว่า ทางการยูเครนได้แจ้งต่อยูโรคอนโทรลเรื่องการปิดเส้นทางทั้งภาคพื้นดินและทางอากาศในภาคตะวันออกของยูเครน และว่า เส้นทางดังกล่าวจะยังปิดไปจนกว่าจะมีการประกาศต่อไป
+++ด้านฝรั่งเศสระบุว่า สายการบินฝรั่งเศสจะเลี่ยงน่านฟ้ายูเครน จนกว่าจะทราบผลการสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริง
+++ขณะที่ รองประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐ กล่าวถึงกรณีเที่ยวบินเอ็มเอช 17 ว่าไม่ใช่ อุบัติเหตุ ซึ่งสหรัฐจะให้ความช่วยเหลือกับทุกฝ่ายอย่างเต็มที่
+++สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานให้ข้อมูล เกี่ยวกับ ขีปนาวุธ ต้องสงสัย ว่า อาจจะเป็นระบบมิสไซล์บู๊ค (Buk Missle System) หรือที่นาโต รู้จักในชื่อ เอสเอ-11 แกดฟลาย และ เอสเอ-17 กริซลีย์ ในรัสเซีย ใช้รหัสเรียกว่า 9М38 หรือ 9M317 เป็นอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศต่อต้านอากาศยาน พิสัยกลางนำวิถีด้วยเรดาร์เซมิแอคทีฟ (ใช้คลื่นเรดาร์นำทางตลอดเวลาจนกว่ากระทบเป้าหมาย) จุดระเบิดด้วยเรดาร์เฉียดระเบิด (Radar proximity fuse) หัวรบเป็นระเบิดแรงสูงและสะเก็ดหนัก 70 กก.ยิงได้ไกล 30 กม. ยิงได้สูงถึง 46,000 ฟุต (บางรุ่นยิงได้ถึง 80,000 ฟุต) โดยจรวดจะติดตั้งกับยานสายพานหุ้มเกราะ พร้อมชุดยิง เรียกว่า Buk-M2 ออกแบบมาเพื่อสกัดกั้นอากาศยานปีกนิ่ง-ปีกหมุน ขีปนาวุธร่อน และอากาศยานไร้นักบิน เป็นต้น