หลังเรือสำราญชื่อคาเลโดเนียนสกาย ขนาดระวางขับ 4,200 ตันของบริษัทโนเบิล คาเลโดเนียของอังกฤษ พุ่งชนแนวปะการังรอบๆเกาะกรี หนึ่งในหมู่เกาะราชาอัมพัต ซึ่งประกอบด้วยเกาะเล็กๆหลายร้อยเกาะในพื้นที่ห่างไกลทางภาคตะวันออกของอินโดนีเซีย สร้างความเสียหายให้กับปะการังเป็นระยะทางราว13,500 ตารางกิโลเมตร เอเอฟพีรายงานอ้างนายริคาร์โด ทาปิลาตู นักวิจัยสัตว์น้ำจากมหาวิทยาลัยแห่งจังหวัดปาปัว ประธานคณะทำงานประเมินความเสียหายของอินโดนีเซียว่า คาดว่ารัฐบาลอินโดนีเซียจะต้องเสียค่าใช้จ่ายราว 16.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเพื่อฟื้นฟูปะการังให้กลับมาอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์เหมือนเดิม โดยรัฐบาลอินโดนีเซียเริ่มสำรวจความเสียหายครั้งนี้เพื่อฟ้องเรียกค่าเสียหายจากเจ้าของเรือสำราญดังกล่าว
เหตุการณ์นี้เกิดเมื่อต้นเดือนนี้ หลังเรือสำราญพานักท่องเที่ยว 102 คนและลูกเรือ 79 คนไปเที่ยวชมนกในท้องที่ดังกล่าวแล้วพุ่งชนแนวปะการังและเกยตื้นอยู่ในบริเวณนั้นหลายวัน จนกระทั่งต้องนำเรือลากขนาดเล็กๆหลายลำช่วยชักลากเรือออกจุดดังกล่าวก่อนจะเดินทะเลต่อไป แต่สร้างความไม่พอใจให้กับบรรดาผู้ประกอบธุรกิจด้านท่องเที่ยวในท้องถิ่นที่ต้องพึ่งพาความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของหมู่เกาะราชาอัมพัตเป็นแหล่งทำมาหาเลี้ยงครอบครัว หลายคนตั้งข้อสงสัยทางสื่อสังคมออนไลน์ของอินโดนีเซียว่ารัฐบาลปล่อยให้เกิดเหตุเช่นนี้ได้อย่างไร
สำหรับหมู่เกาะราชาอัมพัตตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกกับมหาสมุทรอินเดีย เป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นแหล่งปะการังที่มีสัตว์น้ำหลากหลายสายพันธุ์มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก องค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมนานาชาติประเมินว่ามีปลาราว 1,400 ชนิดและปะการัง 603 ชนิด เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากบรรดานักท่องเที่ยวที่ชอบการผจญภัย และบรรดานักประดาน้ำที่หลงไหลการลงไปสำรวจโลกใต้ท้องทะเล