รองผบ.ตร.ย้ำ มีหลักฐานเอาผิด 18โจ๋ไขควงแทงน้องปอนด์เสียชีวิต/ธปท.ออกเกณฑ์นำเงินออกนอกปท.สกัดฟอกเงินหนุนก่อการร้าย/วันสตรีสากลกับปัญหาล่วงละเมิดทางเพศในที่ทำงาน

08 มีนาคม 2560, 08:19น.


ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.



+++คดีกลุ่มวัยรุ่น 18 คนยกพวกรุมทำร้ายนายธีระพงษ์ หรือปอนด์ ฐิตะฐาน อายุ 24 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตเพชรบุรี จนเสียชีวิต ขณะที่เพื่อนอีก 3 คนได้รับบาดเจ็บ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. ลงพื้นที่ไปติดตามคดีที่จังหวัดเพชรบุรี เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่มีผู้มีอิทธิพลเข้ามาเกี่ยวข้องตามที่เป็นกระแสในโลกโซเชียล โดย พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ และคณะ เดินทางไปยังหอพักใน ต.สามพระยา อ.ชะอำ เข้าตรวจสอบห้องพักเลขที่ 13 ซึ่งเป็นห้องเกิดเหตุ โดยมีนายไอซ์ หนึ่งในผู้บาดเจ็บ และอยู่ในเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุให้ข้อมูล กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุตนและผู้ตายกลับมาจากงานคอนเสิร์ตที่ร้านอาหาร มีคนมาเคาะประตูเรียก เมื่อเปิดประตูพบกลุ่มวัยรุ่นที่ไม่รู้จักถามหานายเอก (นามสมมติ) เมื่อบอกว่านายเอกไม่อยู่ วัยรุ่นคนดังกล่าวได้ถามว่าเป็นเพื่อนนายเอกใช่ไหม เมื่อตอบว่าใช่ กลุ่มวัยรุ่นทั้งหมดกว่า 10 คนได้กรูกันเข้ามารุมทำร้ายตน โดยมีอาวุธทั้งขวดและไขควง ก่อนตรงไปทำร้ายปอนด์ผู้ตายที่นอนอยู่กลางห้องจนเสียชีวิต หลังเกิดเหตุตนรีบนำนายปอนด์ส่งโรงพยาบาลชะอำ ขณะนำส่ง รพ. ปอนด์มีอาการชักโดยตลอด ต่อมา รพ.ชะอำส่งต่อไปที่ รพ.พระจอมเกล้าเพชรบุรี ส่งต่ออีกทีไป รพ.ราชบุรี และเสียชีวิตที่ รพ.ราชบุรี เมื่อวันที่ 2 มี.ค.



+++ด้าน พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.สมเกียรติ แสงสินศร รอง ผบช.ภ.7 เป็นนายตำรวจผู้ควบคุมดำเนินคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจมั่นใจในพยานหลักฐานว่า สามารถเอาผิดกับผู้ต้องหาทั้ง 18 คน หลักฐานในที่เกิดเหตุทั้งหมดดำเนินการเก็บโดยตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดเพชรบุรีตามขั้นตอนกระบวนการที่ถูกต้อง และส่งพิสูจน์ทั้งหมดแล้ว ขณะนี้อยู่ในระหว่างรอผลตรวจดีเอ็นเอและผลตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์  ส่วนประเด็นที่ญาติผู้ตายติดใจว่ามีผู้อื่นเกี่ยวข้องอีก เรื่องนี้อยู่ในสำนวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่หากสอบสวนแล้ว มีหลักฐานว่ามีผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีก ก็จะดำเนินการเรียกตัวมาสอบสวน ดำเนินการตามกฎหมาย



+++ประเมินภาษีหุ้นชินคอร์ป นายประภาศ คงเอียด รองปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร ในประเด็นพิจารณาตามข้อหารือทั่วไปของกรมสรรพากร เพื่อให้มีการขยายระยะเวลาการดำเนินการตามมาตรา 19 ในประมวลรัษฎากร ที่ระบุว่ากรณีผู้ยื่นแบบเสียภาษี แต่เสียภาษีไม่ครบ ไม่ถูกต้องตามความจริงหรือไม่บริบูรณ์ ให้เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจออกหมายเรียกผู้ยื่นรายการนั้นมาไต่สวนภายในเวลา 5 ปี และกรมสรรพากรมีอำนาจประเมินภาษีในระยะเวลา 10 ปี และหากกรมสรรพากรไม่ออกหมายเรียกภายใน 5 ปี ก็จะไม่มีอำนาจการประเมินภาษี ว่า ที่ประชุมเห็นตรงกันว่าไม่อาจขยายระยะเวลาดำเนินการเกี่ยวกับการออกหมายเรียกจาก 5 ปีออกไปได้  ซึ่งการหารือในครั้งนี้เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติต่อผู้เสียภาษีทุกราย ไม่ได้เจาะจงลงไปที่การเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ปของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเท่านั้น    สำหรับกรณีที่เจ้าหน้าที่กรมสรรพากรไม่ออกหมายเรียกภายใน 5 ปี ซึ่งทำให้ประเมินภาษีไม่ได้ จะมีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ก็ต้องไปพิจารณาว่าหากเจ้าหน้าที่รู้อยู่แล้วว่าต้องออกหมายเรียก แต่กลับไม่ดำเนินการ ก็มีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ในส่วนนี้ต้องไปดูในรายละเอียดเชิงลึกประกอบด้วย



+++ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์การสำแดงรายการเงินตรา เงินตราต่างประเทศ และตราสารเปลี่ยนมือ เมื่อวันที่ 23 ก.พ.  เป็นการดำเนินการหลังจากมีประกาศกระทรวงการคลัง กำหนดหลักเกณฑ์ให้บุคคลที่นำเงินบาท เงินตราต่างประเทศ และตราสารเปลี่ยนมือ เข้าและออกประเทศ ต้องแจ้งรายงานต่อพนักงานเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรขณะที่ผ่านศุลกากรทุกแห่งเพื่อให้สอดคล้องกับการปฏิบัติตามมาตรฐานการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายสากลของคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงินเกี่ยวกับการฟอกเงินหรือ แฟตเอฟ (FATF) มูลค่าที่ต้องแจ้งต่อเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร ได้แก่ เงินบาทที่เป็นธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ที่มีมูลค่ารวมกันเกิน 450,000 บาท เงินตราต่างประเทศที่เป็นธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ที่มีมูลค่ารวมกันเกิน 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ ประกาศกระทรวงการคลังยังกำหนดการนำเงินบาททั้งธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ออกไปยังกัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม จีน (เฉพาะมณฑลยูนนาน) และมาเลเซีย ที่มีมูลค่าเกิน 2,000,000 บาท ต้องขออนุญาตเจ้าพนักงานควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน และหากไม่มีการแจ้งเจ้าหน้าที่ตามที่กำหนด หรือแจ้งไม่ถูกต้อง บุคคลนั้นจะมีความผิดคอาญา



+++การขยายผลเอาผิด นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รองผบช.ปส. เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบบัญชีของนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง พบว่ามีการทำธุรกรรมทางการมาเงินตลอดระยะเวลา 2 ปี ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งเมื่อสอบถามแหล่งที่มานายอัครกิตติ์ไม่สามารถบอกที่มาของจำนวนเงินดังกล่าวได้ จากการสอบสวนขยายผลพบว่า เบื้องต้นมีบุคคลในแวดวงเกี่ยวกับรถหรูและรถแข่งที่ร่วมทำธุรกรรมทางการเงินกับนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง  ไม่ต่ำกว่า 10 ราย แต่ไม่พบบุคคลมีชื่อเสียงร่วมด้วย โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส. อยู่ระหว่างตรวจสอบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับนายณัฐพล หรือ บอย นาคคำ นักค้ายาเสพติดและ เครือข่ายของนายไซซะนะหรือไม่ต่อไป



++++องค์กรความโปร่งใสนานาชาติ (ทีไอ) เปิดเผยรายงาน ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกือบ 2.2 หมื่นคน ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก 16 ประเทศ รวมถึงประเทศไทย เรื่องความเห็นเกี่ยวกับ การคอร์รัปชั่นในประเทศ จากคำถามเรื่อง การจ่ายสินบนแก่เจ้าหน้าที่หน่วยงานต่าง ๆ เพื่อเข้าถึงบริการภาครัฐ เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล และหน่วยงานอื่น ๆ ผลสำรวจพบว่า ประเทศไทยมีอัตราผู้ที่ตอบว่าเคยจ่ายสินบนสูงถึงร้อยละ 41 เป็นอันดับที่ 3 จากท้าย ถัดจากอินเดียและเวียดนาม ที่มีอัตราจ่ายสินบน สูงสุดอยู่ที่ร้อยละ 69 และร้อยละ 65 ตามลำดับ ขณะที่ประเทศที่มีตัวเลขจ่ายสินบน ต่ำสุด คือญี่ปุ่น ร้อยละ 0.2



+++วันสิทธิสตรีสากล วันที่ 8 มี.ค.นี้ กลุ่มบูรณาการแรงงานสตรี จะร่วมกับ เครือข่ายผู้หญิง รณรงค์ข้อเสนอเบื้องต้น 4 ข้อให้รัฐบาลได้พิจารณาหาทางแก้ไข คือ รัฐต้องรับรองอนุสัญญา ILO ฉบับที่ 183  ว่าด้วยสิทธิการเป็นมารดา ซึ่งในอนุสัญญาฉบับนี้กล่าวถึงวิธีการที่ รัฐต้องดูแลผู้หญิงตั้งแต่ก่อนท้อง ระหว่างท้อง และหลังคลอด รวมถึงสิทธิให้ผู้ชายสามารถลาไปเลี้ยงดูบุตรและภรรยา หลังคลอดได้ด้วย ซึ่งข้าราชการได้รับแล้ว 15 วันแต่ในภาคเอกชนและรัฐวิสาหกิจ บางแห่งยังไม่ได้รับสิทธินี้เพิ่มวัน ลาคลอดจาก 90 เป็น 120 วัน และจัด เงินช่วยเหลือการขาดรายได้ให้แก่แรงงานนอกระบบรวมถึงเงินสงเคราะห์บุตร และ ผู้หญิงยังประสบปัญหาในเรื่องการเข้าถึง การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านม ตั้ง ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียนต้องมี ให้ทั่วถึงและมีคุณภาพ ปรับเวลาเปิด-ปิดศูนย์ให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตคนทำงาน กำหนดสัดส่วนหญิงชาย 50 ต่อ50 ในคณะกรรมการทุกมิติ และ กำหนดให้วันที่ 8 มี.ค.เป็นวันหยุดราชการและวันหยุดตามประเพณี



+++ นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผอ.มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวถึงกรณีการคุกคามทางเพศในที่ทำงานว่า ที่ผ่านมายังไม่มีตัวเลขที่ชัดเจน เกี่ยวกับการคุกคามทางเพศ เพราะผู้หญิง ที่ถูกกระทำไม่กล้าที่จะออกมาเรียกร้องกลัวว่าจะถูกเลิกจ้างงาน ทั้งที่มีกฎหมายบัญญัติคุ้มครองแรงงาน ในมาตรา 16 ที่เขียนไว้ว่า "ห้ามมิให้นายจ้าง หัวหน้างาน ผู้ควบคุมงาน หรือผู้ตรวจงานกระทำการล่วงเกิน คุกคามหรือก่อความเดือดร้อนรำคาญทางเพศต่อลูกจ้าง"



++++การค้นหาตัว น.ส.วาเลนติน่า โนวาซเฮโนว่า อายุ 23 ปี นักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย ที่สูญหายไประหว่างท่องเที่ยวในพื้นที่เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ยังดำเนินต่อไปเป็นวันที่ 5 ทั้งทางบกและทางทะเล หลังจากสาวรัสเซียหายตัวไปกว่า 22 วัน ได้นำนักดำน้ำชาวต่างชาติ จำนวน 13 คน ดำน้ำค้นหา น.ส.วาเลนติน่า ที่คาดว่าหายตัวไปในทะเล ค้นหา 2 รอบ กำหนดจุดลง 5 จุด ที่มีระดับความลึก 20 เมตร การค้นหาเป็นแบบหน้ากระดาน ในช่วงบ่ายได้เปลี่ยนจุดไปค้นหาบริเวณปลายทางน้ำไหลใต้ทะเล เป้าหมายเพื่อค้นหาของใช้ส่วนตัวและอุปกรณ์ดำน้ำจำพวก เข็มขัดตะกั่ว รองเท้ากบ หน้ากากดำน้ำ และนาฬิกาวัดความลึกของน้ำ จากการค้นหาจุดนี้ก็ไม่พบสิ่งของแต่อย่างใด



+++เกิดดราม่ากระแสข่าวลือทำให้เวทีขาอ่อนร้อนระอุว่า กองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์  เตรียมปลด น.ส.ชลิตา ส่วนเสน่ห์ หรือน้ำตาล  สาวสวยที่ติด 1 ใน 6 เวทีมิสยูนิเวิร์ส พ้นจากตำแหน่ง และพร้อมจะดัน น.ส.อัจฉรี บัวเขียว หรือน้องเทียน รองอันดับ 1 ขึ้นมาเทน โดยสาเหตุการปลดครั้งนี้ข่าววงในบอกว่า อาจเป็นการไม่พอใจเรื่องผลประโยชน์ที่น้องน้ำตาลออกไปรับงานนอกเอง  ล่าสุด กองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ยืนยันไม่มีการปลดใดๆ เกิดขึ้นทั้งสิ้น เบื้องต้นน้องมีงานยาวไปจนถึงเดือนเมษายน ซึ่งตามวาระน้องจะอยู่ในตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2016 จนถึงเดือนกรกฎาคม 2017



 

ข่าวทั้งหมด

X