ศาลปกครองกลาง ยกฟ้องคดีดีหมายเลขดำที่ ส.23/2555 ที่นางสุทธิรักษ์ ทองวานิช พร้อมพวกชาวบ้าน ใน จ.นครปฐมรวม 10 ราย ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและอีกหลายหน่วยงาน เช่น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร, รมว.เกษตรฯ, กรมชลประทาน, กระทรวงมหาดไทย, กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม, ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและกระทรวงการคลัง เป็นผู้ถูกฟ้อง ที่ 1-11 ในคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ อันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย จากกรณีที่ผู้ถูกฟ้องที่ 1-11 บริหารจัดการน้ำผิดพลาดทำให้มวลน้ำจำนวนมหาศาลได้ไหลสู่พื้นที่ต่ำออกสู่ทะเล ซึ่งผ่านแม่น้ำท่าจีน แม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำบางปะกง ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ช่วงระหว่างเดือน มิ.ย.–ต.ค. 2554 ประเทศไทยเกิดพายุโซนร้อนและมรสุมจำนวนหลายลูก ในตอนบนของไทย รวมทั้งเกิดน้ำทะเลหนุนสูง ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมอย่างรุนแรง สร้างความเสียหายให้กับสถานที่ต่างๆ และบ้านเรือนประชาชนเป็นจำนวนมาก รวมทั้งที่พักอาศัยของผู้ฟ้อง โดยมีปริมาณน้ำสะสมในเขื่อนต่างๆ อาทิ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนอื่นๆ มากที่สุดในรอบหลายปี ระหว่างนั้นผู้ถูกฟ้องก็ได้ดำเนินมาตรการเพื่อป้องกันน้ำไม่ให้เข้าท่วมพื้นที่ กทม. ซึ่งเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งการวางแนวกระสอบทรายขนาดใหญ่ หรือบิ๊กแบ็ก เป็นระยะทางยาว ตั้งแต่สถานีตำรวจดอนเมือง ไปจนถึงประตูระบายน้ำคลอง 2 รวมทั้งการยกระดับถนนสูง 6 เมตร ขณะที่การวางแนวป้องกันดังกล่าว บริเวณที่พักอาศัยของผู้ฟ้องที่ 1-8 และ 10 ไม่ได้กระทบโดยตรง ซึ่งอยู่ในพื้นที่ อ.นครไชยศรี และ อ.สามพราน เพราะน้ำบริเวณดังกล่าว สามารถไหลลงสู่คลองทวีวัฒนา ก่อนที่จะเข้า จ.นครปฐม และไหลลงสู่แม่น้ำท่าจีนได้ จึงเป็นการวางแนวป้องกันน้ำฝั่งตะวันออก เพื่อป้องกันไม่ให้กระทบพื้นที่ กทม.ชั้นใน และพื้นที่เศรษฐกิจ เพื่อผลประโยชน์โดยรวมของประเทศ มิใช่การเลือก
ปฏิบัติที่จะป้องกันพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง ขณะที่ผู้ถูกฟ้อง ก็ได้ดำเนินการมาตรการเยียวยาให้กับผู้ได้รับผลกระทบจำนวน 5,000 บาท ต่อหลังคาเรือนแล้ว รวมทั้งมาตรการเยียวยา ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีและคำสั่งอื่นๆ ดังนั้น การกระทำของผู้ถูกฟ้อง จึงยังไม่เป็นการละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม.420 และไม่เป็นการละเลยต่อหน้าที่ตามกฎหมายที่กระทำล่าช้าเกินสมควร และไม่มีเหตุต้องชดใช้ค่าเสียหาย จึงพิพากษายกฟ้อง
ด้าน นางอภิญญา ชูสว่าง ผู้ฟ้องคดีที่ 3 กล่าวว่า เคารพในคำพิพากษาของศาล แต่ในฐานะประชาชนผู้เสียหาย เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้ช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ ซึ่งเงินช่วยเหลือที่บ้านเรือนถูกน้ำท่วมเสียหาย ก็ไม่ได้รับ รวมทั้งเห็นว่ารัฐบาลบริหารจัดการน้ำไม่ถูกต้อง เนื่องจากที่บ้านตัวเองถูกน้ำท่วมสูงถึง 1.50 เมตร ภายในระยะเวลาแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น ทำให้เก็บข้าวขาวอพยพหนีออกมาไม่ทัน ซึ่งหากเกิดจากน้ำท่วมโดยธรรมชาติไม่น่าจะรวดเร็วขนาดนี้ ขณะที่ ถูกน้ำท่วมก่อนที่จะสร้างแนวเสริมคันกั้นน้ำด้วย สาเหตุทั้งหมดเป็นเพราะการบริหารจัดการน้ำที่ผิดพลาดของรัฐบาล