*รรท.ผบ.ตร.มีผบ.ตร.ในใจแล้ว/นักลงทุนต่างชาติมั่นใจสถานการณ์ในไทย/สธ.ไม่ใช้ปชช.ร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาล*

สรุปข่าว 19.35 น

+++หลังประกาศคสช.เรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยตำรวจแห่งชาติและหลักเกณฑ์การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ในฐานะหัวหน้าฝ่ายกิจการพิเศษ กล่าวว่า โดยคำสั่งดังกล่าวแล้วผบ.ตร.จะเป็นผู้มีอำนาจในการเสนอชื่อผบ.ตร.คนใหม่ แต่ในครั้งนี้เนื่องจากตนพ้นมาแล้ว ดังนั้นผู้ที่มีอำนาจในการเสนอชื่อผบ.ตร.คือ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ส่วนตัวมีความเห็นว่าโครงสร้างใหม่นี้ก็เป็นเรื่องดีเพราะหน่วยงานแต่ละหน่วยงานจะได้เป็นผู้เสนอว่าใครเหมาะสมควรขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทน และผู้ที่จะขึ้นมาเป็นผบ.ตร.คนใหม่นั้นคือผู้ที่มีลำดับอาวุโสสูงสุดทั้งรองผบ.ตร.และจเรตำรวจ

++++พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาราชการแทนผบ.ตร. กล่าวถึง กระบวนการในการสรรหาผบ.ตร.คนต่อไปโดยหลักคือปลายเดือนกรกฎาคม-ต้นเดือนสิงหาคม ก็จะต้องพิจารณาแล้ว เพราะตามกฎก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้ง การแต่งตั้งนายพลต้องเสร็จภายในเดือนสิงหาคม ขณะนี้ก็ขึ้นอยู่กับหัวหน้าคสช.ซึ่งทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีว่ามีความประสงค์จะนัดประชุมเลยก็สามารถเรียกประชุมจัดวาระได้ หรือจะรอให้มีคณะรัฐมนตรีมีนายกรัฐมนตรีก็ขึ้นอยู่กับท่าน ซึ่งเราก็พร้อมทำ สำหรับชื่อคนที่จะเสนอนั้นตอนนี้ก็อยู่ในใจ คุณสมบัติที่จะนำมาพิจารณาก็เป็นไปตามมาตรา 57  และการลดฝ่ายการเมืองลงในการเป็นคณะกรรมการก.ต.ช.และให้ผบ.ตร.มีอำนาจเสนอชื่อผบ.ตร.คนต่อไป ถือเป็นเรื่องที่ดีตามนโยบายของหัวหน้าคสช.ที่ต้องการให้ตร.มีความเข้มแข็ง ทำให้เราได้พิจารณาผลงานของคนของเราเอง รวมทั้งก.ตร.ด้วย ทำให้ผู้บังคับบัญชาตร.ทำงาน เอาผลงานของผู้ใต้บังคับบัญชามาดูใครจะเหมาะสมอย่างไร ซึ่งคำสั่งคสช.ไม่ได้ยกเลิกกฎก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้ง ยกเลิกประเด็นเดียวเรื่องอายุราชการรวม

+++นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ หารือกับผู้แทนหอการค้าต่างประเทศในประเทศไทยพร้อม ยืนยันนโยบาย คสช.ที่เร่งรัดขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ ใช้จ่ายงบประมาณที่ค้างอยู่ ปฏิรูปเศรษฐกิจที่สำคัญ โครงสร้างภาษี ธุรกิจเอสเอ็มอี รวมทั้งดำเนินโครงการต่าง ๆ อย่างโปร่งใส ซึ่งภาคเอกชนต่างประเทศให้ความสนใจ บรรดาผู้แทนหอการค้าต่างประเทศเชื่อมั่นในศักยภาพทางเศรษฐกิจของไทย และบทบาทของไทยในการขับเคลื่อนประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และอยากเห็นไทยมีบทบาทมากขึ้น โดยเฉพาะส่งเสริมเชื่อมโยงเศรษฐกิจกับเพื่อนบ้าน ขยายโอกาสการค้า ขณะเดียวกันมีความยินดีที่สถานการณ์ในไทยมีความสงบ มีเสถียรภาพ และมีนโยบายชัดเจนแน่นอนมากขึ้น

ส่วนนายสแตนลีย์ กัง (Mr.Stanley Kang) ประธานหอการค้าต่างประเทศในประเทศไทย กล่าวว่า กำลังรวบรวมข้อมูลและข้อเสนอของภาคเอกชนต่างประเทศ และจะนำเสนอต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.ภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อเดินหน้าเศรษฐกิจร่วมกัน สิ่งที่ต้องการคือแรงงานมีทักษะซึ่งไทยยังขาดมาก ภาคเอกชนจะมีบทบาทส่งเสริมการศึกษาและการฝึกอบรมอาชีวะไทย สำหรับแรงงานไม่มีทักษะซึ่งยังมีความจำเป็น นอกจากนี้ ภาคธุรกิจยังประสบปัญหาในเรื่องการออกวีซ่าและใบอนุญาตทำงานให้กับชาวต่างชาติที่อยากให้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น ทั้งยังอยากให้ส่งเสริมธุรกิจภาคบริการและพลิกฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวด้วย

+++การดำเนินการปรับภูมิทัศน์ภายในทำเนียบรัฐบาล ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าจะไม่มีการรื้อหรือย้ายรังนกกระจอก แต่จะทำให้เป็นที่สวยงามและสะอาดเพื่อให้ใช้พื้นที่ได้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะทำเนียบรัฐบาลถือเป็นสถานที่สำคัญ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เน้นย้ำชัดเจนว่าการปรับปรุงอะไรก็ตามในพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลจะต้องประหยัดและเน้นความพอเพียงเป็นสิ่งสำคัญ การปรับปรุงพื้นที่ทำเนียบที่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ กรมโยธาธิการและผังเมืองและกรมศิลปากรต้องร่วมกันพิจารณาอย่างรอบคอบถี่ถ้วน ไม่ใช่จะทำได้โดยง่าย

+++ข้อถกเถียง การให้ประชาชนร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาล    นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่า แนวทางการปฎิรูปกระทรวงสาธารณสุข ไม่มีนโยบายในเรื่องนี้และไม่ได้มีการนำเสนอในที่ประชุมเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ประชาชนมีสิทธิด้านรักษาพยาบาลเหมือนเดิม กระทรวงสาธารณสุขและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ไม่มีนโยบายการให้ประชาชนร่วมจ่ายแต่อย่างใด  สิ่งที่กระทรวงสาธารณสุข กำลังดำเนินการในระยะเร่งด่วนเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุดนี้เพื่อจัดบริการประชาชนให้ดียิ่งขึ้น โดยจัดการกับอุปสรรคที่ทำให้การรักษาพยาบาลผู้ป่วยติดขัด ทั้งความแออัดในโรงพยาบาล ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการ

ต่างประเทศ

+++นายนิสซาร์ อาหมัด อับดุลราฮิมไซ รองผู้กำกับการตำรวจจังหวัดปักติกา ทางภาคตะวันออกของอัฟกานิสถาน กล่าวว่าเหตุระเบิดรถยนต์ที่ตลาดที่มีคนพลุกพล่านมากแห่งหนึ่งในจังหวัดปักติกา มีคนเสียชีวิต 89 คนและบาดเจ็บอีก 42 คน พร้อมเพิ่มเติมว่ามือระเบิดฆ่าตัวตายรายหนึ่งซึ่งเป็นผู้ขับขี่รถคันนั้น ได้กดขนวนระเบิดขึ้น หลังตำรวจสั่งหยุดรถ คาดว่าจำนวนผู้เสียชีวิตอาจจะเพิ่มขึ้นอีก สำหรับเรื่องความมั่นคงยังเป็นปัญหาใหญ่ในอัฟกานิสถาน เนื่องจากสหรัฐจะถอนกำลังทหารส่วนใหญ่ออกไปภายในปลายปีนี้

+++แถลงการณ์ของรัฐบาลอินเดีย-จีน  เห็นตรงกันถึงความจำเป็นที่จะต้องแก้ไขปัญหาพิพาทเรื่องอาณาเขตที่ยืดเยื้ดมานานนับสิบปี ก่อนการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว หรือ บริคส์ ที่เมืองฟอร์ตาเลซาของบราซิล ในวันนี้ สำหรับข้อพิพาทเรื่องอาณาเขตเกิดขึ้นในรัฐหิมาจัลประเทศ ตะวันออกของเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งจีนอ้างกรรมสิทธิ์ทับซ้อน

+++ในที่สุด เด็กหญิงชาวฟิลิปปินส์ วัย 3 ขวบ ซึ่งเพิ่งฟื้นคืนชีพอย่างปาฏิหาริย์กลางงานศพของตัวเอง ได้เสียชีวิตแล้ว หลังจากคลิปวิดีโอ บันทึกภาพวินาทีชีวิตขณะเด็กหญิงฟื้นคืนชีพในงานศพของตัวเองถูกเผยแพร่ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ จนมียอดคนเข้ามาดูแล้วกว่า 4 ล้านวิว ในช่วงเวลาแค่ 2 วัน  เจ้าหน้าที่สืบสวน เฮดิล ทีลัน กล่าวว่า เด็กหญิงคนนี้ป่วยเป็นไข้สูงหลายวัน ญาติได้นำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลเมื่อวันศุกร์ (11 ก.ค.) ต่อมาในช่วงเช้าวันเสาร์ แพทย์ยืนยันว่าเด็กไม่มีชีพจรแล้ว และประกาศว่าเสียชีวิตในเวลาประมาณ 09:00 น. ของวันเสาร์ต่อมาแต่ได้ฟื้นคืนชีพในงานศพของตัวเอง จนสร้างความตื่นเต้นดีใจแก่พ่อแม่ญาติพี่น้อง แต่สุดท้ายต้องจากไปเมื่อวันจันทร์ที่ 14 ก.ค.

หุ้นไทยและต่างประเทศ

+++ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดตลาดวันนี้ลดลง 4.70 จุด ปิดที่ 1,524.53 จุด มูลค่าการซื้อขาย 41,400.52 ล้านบาท

+++ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดตลาด เพิ่มขึ้น 98.34 จุด  ที่ 15,395.16 จุด

 +++ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดเพิ่มขึ้น 113.29 จุด ปิดที่ 23,459.96 จุด