การดำเนินการกับทางวัดพระธรรมกาย ก่อนจะเข้าตรวจค้นพื้นที่วัดอีกครั้ง พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า การเข้าปฏิบัติการค้นวัดพระธรรมกาย ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนเตรียมการ และยังคงประเมินสถานการณ์แบบวันต่อวัน ตามการบังคับใช้กฎหมายเพื่อให้ได้ตัวบุคคลมาดำเนินคดีหนึ่งในการเตรียมการ คือนำตู้คอนเทนเนอร์มาปิดพื้นที่ทางเข้าออก ยืนยันว่าหลังจากนี้จะไม่มีการเจรจาใดเกิดขึ้นอีก และยังเดินหน้าไปตามกฎหมายที่มีอยู่ โดยไม่อยากให้เรื่องนี้ยืดเยื้อเป็นระยะเวลานาน และมั่นใจว่า ทุกอย่างจะจบในไม่ช้า พร้อมระบุว่า หากลูกศิษย์ หรือบุคคลใด ให้การช่วยเหลือพระธัมมชโยบุคคลที่มีหมายจับของศาล จะมีอัตราโทษตามกฎหมายอาญา ส่วนการออกบิณฑบาตรของคณะพระสงฆ์ในวัดพระธรรมกาย ยังสามารถทำได้ตามกิจของสงฆ์ปกติ อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะตรวจสอบและคุมเข้มบุคคลที่จะเข้าไปภายในวัดให้มากขึ้น หลังเกิดการชุมนุมของมวลชนจำนวนมาก ซึ่งหากมีผู้ฝ่าฝืนจะต้องดำเนินการตามกฎหมาย เนื่องจากวัดพระธรรมกาย อยู่ในพื้นที่ควบคุมตามคำสั่งมาตรา 44 ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
นอกจากนี้ ยังได้ทำความเข้าใจกับส่วนราชการของจังหวัดปทุมธานี ให้ทราบว่า การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตามประกาศของคสช.จะไม่กระทบกระเทือนต่อความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ มุ่งดำเนินการกับตัวบุคคลตามหมายจับเท่านั้น ไม่ได้มี ความตั้งใจจะทำลายศาสนาใดๆ ทั้งสิ้น
ส่วนกรณีที่สังคมออนไลน์ เผยแพร่ข้อมูลในทางลบ ว่าคืนนี้จะมีเจ้าหน้าที่ นำกำลังพลเข้าตรวจค้นพื้นที่วัดพระธรรมกาย ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่เพื่อรักษาความปลอดภัย พร้อมผลัดเปลี่ยนกำลังตามช่วงเวลา โดยขอร้องไม่ให้ดึงบุคคลเข้ามาเพื่อต่อต้านเจ้าหน้าที่ของรัฐ
ด้าน พ.ต.ต. วรนันท์ ศรีล้ำ รองโฆษกดีเอสไอ เปิดเผยว่า การปฏิบัติการเข้าค้นพื้นที่ หลังจากนี้เป็นการตรวจค้นในโซน A กับโซน B ที่ยังไม่สามารถเข้าค้นได้ในรอบแรก ภายใต้กรอบระยะเวลาที่มีอยู่ และหลังตรวจค้นเสร็จก็จะคืนพื้นที่กลับอย่างเดิม ซึ่งการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ไม่ได้แปลว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่จะไม่สามารถเข้ากลับเข้าไปอยู่ได้แต่ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย อย่างไรก็ตาม หลังการเจรจาไม่เป็นผล จากนี้จะเดินหน้าใช้กฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าว:เกตุกนก ครองคุ้ม