ผบ.สส. กำชับทุกเหล่าทัพร่วมรัฐบาลเดินหน้าปรองดอง /รองนายกฯสมคิด ปัดข่าวทิ้งคนจน

22 กุมภาพันธ์ 2560, 13:40น.


ข่าวเที่ยงครึ่ง



+++พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) เป็นประธานการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 3/2560 ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ วังนันทอุทยาน โดยมีพล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) และ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ทอ.) เป็นผู้แทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุมผู้บัญชาการทหารสูงสุด ขอให้เหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้สนับสนุนและร่วมมือกับคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) รวมไปถึงคณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง และคณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้อง



+++นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี  กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ ส่องเศรษฐกิจ 4.0ปีไก่ทอง กล่าวถึงการทำให้ประเทศเจริญได้อย่างรวดเร็วนั้น มองว่าต้องพัฒนาจากกลุ่มจังหวัด จึงได้เกิดการให้งบประมาณผ่านกลุ่มจังหวัด ซึ่งมีโมเดลเหมือนประเทศจีน ซึ่งมีกลุ่มจังหวัดพิเศษ ซึ่งจะทำให้อนาคตชุมชนและจังหวัดแข็งแรงเขาจะมีการปรับตัวปรับระบบ ถ้าจะพัฒนาชุมชน ต้องมาจากท้องถิ่นกลุ่มจังหวัดต้องร่วมกันคิด ร่วมเอกชนภาคประชาชนทำตรงนี้ นี่เรียกว่าไทยแลนด์ 4.0 ใครก็ตามที่คอมเม้นท์ว่ารัฐบาลนี้ทิ้งคนจนกรุณารูดซิบปากไม่เข้าใจก็เข้ามาคุย หรือไม่ก็ใช้เวลานี้รวมความคิดที่จะพัฒนาประเทศ เมื่อเลือกตั้งก็นำความคิดที่คิดได้มาปฏิบัติให้เกิดผลจริง ในสัปดาห์หน้านายกรัฐมนตรีจะตั้งซุปเปอร์บอร์ดเพื่อตรวจสอบโครงการขนาดใหญ่และขนาดเล็กที่ได้รับการอนุมัติไปแล้ว ว่าดำเนินการตามทีโออาร์ที่ได้เสนอมาในครั้งแรกหรือไม่ และจะดำเนินการกับโครงการที่เติมทีโออาร์ในช่วงท้ายหรือเรียกว่าเจอดีแน่นอน



+++หลังพรรคเพื่อไทยระบุว่า ถ้าไม่มีนิรโทษกรรมปรองดองไม่เกิดพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกลาโหม กล่าวถึงว่า หากพรรคเพื่อไทยมีข้อเสนอให้ไปเสนอกับคณะอนุกรรมการรับฟังความเห็นเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง ที่มีพล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานคณะอนุกรรมการ แต่ ก่อนหน้านี้ เคยบอกไปแล้วว่าการสร้างความปรองดองนั้นจะไม่มีการเกี่ยวข้องกับการนิรโทษกรรม



+++กระแสข่าวว่างบประมาณรายหัวหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือบัตรทองได้รับการจัดสรรไม่เพียงพอ เพราะเป็นภาระด้านงบประมาณ และรัฐบาลพยายามจะล้มเลิกโครงการบัตรทอง พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง โดยกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้ร่วมมือกันอย่างดีในการดูแลประชาชนและได้ปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ดีขึ้นด้วย ปีงบประมาณ 2561กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้รับการจัดสรรงบประมาณ เป็นจำนวนเงิน 128,533 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3,197.32 ต่อหัวประชากร เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2560 จำนวน 87.75 บาทต่อหัว และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดช่วง 2 - 3 ปีนี้ โดยพี่น้องประชาชนยังคงได้รับสิทธิเช่นเดิม และมีส่วนที่จะได้รับเพิ่มขึ้น คือ ค่าบริการวัคซีนมะเร็งปากมดลูก ค่าบริการคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ และค่าบริการเจ็บป่วยฉุกเฉิน  รัฐบาลอยากให้ประชาชนตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องถ้วนถี่ เมื่อได้รับข่าวสารจากแหล่งต่าง ๆ โดยเฉพาะโซเชียลมีเดีย เพราะมีหลายครั้งที่ข้อมูลถูกบิดเบือนเพื่อทำให้สังคมหลงเชื่อ เช่น มีการแชร์ข่าวต่อกันว่า ประชาชนถูกหลอกให้สนใจข่าวตามจับธัมมชโย แต่รัฐบาลได้ตัดงบโครงการบัตรทองไปเรียบร้อยแล้ว เป็นต้น



+++นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมไทยเดือนม.ค.อยู่ที่ระดับ 87.2 ปรับตัวลดลงจากเดือนธ.ค.ที่อยู่ในระดับ 88.5 ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 5 เดือน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 100.4 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 100 เนื่องจากมีการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2559 จากการใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐ ประกอบกับราคาสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลดีต่อการบริโภคภายในประเทศ และการขยายการลงทุนของผู้ประกอบการ



+++กรณีธนาคารแห่งประเทศไทย เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับบริษัท เพย์ออล กรุ๊ป จำกัด ในข้อหาประกอบธุรกิจให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อี-มันนี่ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางการ ซึ่งเป็นบริษัทที่มี นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือฟิล์ม ดาราชื่อดังเป็นประธานกรรมการ  พลตำรวจตรีประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิศักดิ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโค หรือ  สคบ. เปิดเผย ว่า ล่าสุด สคบ. ได้ตรวจพบว่า บริษัทดังกล่าวได้จดทะเบียนเป็นบริษัทขายตรงไว้กับ สคบ. ซึ่งมีการตรวจสอบข้อมูลในเชิงลึก และพบว่า บริษัทดังกล่าวได้ดำเนินธุรกิจผิดจากแผนที่แจ้งไว้ จึงถูกดำเนินคดี มีความผิดตามพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พุทธศักราช 2545 โดยเมื่อวานนี้  นายรัฐภูมิ และกรรมการของบริหารบริษัท รวม 5 คน ได้เดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ ทั้งหมดให้การรับสารภาพ จึงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน และจะมีการเปรียบเทียบปรับภายในวันนี้ โดยเป็นการเปรียบเทียบปรับคนละ 300,000 บาท และเปรียบเทียบปรับบริษัทในฐานะนิติบุคคล รวมเป็นวงเงิน 1.8 ล้านบาท โดยหลังจากนี้บริษัทเพย์ออล กรุ๊ป จำกัด จะต้องปรับปรุงแผนตามที่แจ้งไว้กับ สคบ. จึงจะสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้



+++ในส่วน สคบ. ที่ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบธุรกิจขายตรงว่าเข้าข่ายการดำเนินธุรกิจแชร์ลูกโซ่หรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่ตรวจสอบผู้ประกอบการแล้วกว่า 10 บริษัท และยังไม่พบการกระทำความผิดในลักษณะแชร์ลูกโซ่ ส่วนธุรกิจอี-มันนี่ ไม่ได้เป็นความรับผิดชอบโดยตรงของ สคบ. แต่เป็นหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทย แต่หากประชาชนไปใช้บริการและไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็สามารถร้องเรียนมาที่ สคบ. เพื่อทำการติดต่อประสานงานต่อไป



+++พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีเพย์ออล กรุ๊ป จะเรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวน ที่ประกอบด้วย กองบังคับการปราบปราม , กอบบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชาญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.), กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) พร้อม เชิญตัวแทนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)และตัวแทนจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) เข้ามาซักถามถึงประเด็นการทำธุรกิจในลักษณะนี้ โดยจะเรียกประชุมในวันพรุ่งนี้ (23 ก.พ.60) เวลา 13.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

ข่าวทั้งหมด

X