หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้กล่าวถึงวิกฤตการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องของวัดพระธรรมกาย และม๊อบคัดค้านการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน กระบี่ว่าจะกระทบความเชื่อมั่นของรัฐบาลหรือไม่ นายกได้ถามกลับว่า เชื่อมั่นในตนหรือไม่ ถ้าไม่เชื่อ ก็ไปเชื่อรัฐบาลหน้า เพราะส่วนตัวก็ทำได้แค่นี้
ส่วนกรณีการใช้มาตรา 44 ควบคุมพื้นที่วัดพระธรรมกาย ขออย่าท้าทาย ว่ามาตรา 44 ไม่มีความหมาย ทำให้รัฐบาลกลายเป็นรัฐบาลไม่มีน้ำยา ไม่ว่าจะมาตราใดก็ตาม ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย อย่าทำเป็นเหมือนเชียร์มวยมีผู้แพ้ผู้ชนะ ทำเป็นเรื่องสนุกสนาน สุดท้ายไม่เกิดประโยชน์ต่อบ้านเมือง โดยขณะได้ร่วมมือหลายหน่วยงานเพื่อจะทำให้วัดพระธรรมกาย เป็นสถานที่ที่พุทธศาสนิกชนทั่วไปสามารถเข้าได้ ไม่มีความแตกต่างจากวัดอื่นๆ
ส่วนคดีความเป็นเรื่องของบุคคลที่จะต้องว่าไปตามความผิด ขอให้ผู้กระทำความผิดมามอบตัวและไปสู้คดี ยืนยันจะไม่ยกเลิกการใช้มาตรา 44 จนกว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้น พร้อมตั้งคำถามว่าถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้ว่า เป็นพระมาปิดหน้าปิดตาได้หรือไม่ อยากให้ดูความเหมาะด้วย โดยยังได้แซวผู้สื่อข่าวที่ใช้ผ้าปิดปาก เนื่องจากเป็นหวัด ว่ามาจากวัดพระธรรมกายหรือ
ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ที่ดีขึ้นมาก นายกรัฐมนตรี ยอมรับอยากให้ปัญหาจบในรัฐบาลชุดนี้ แต่ก็ต้องไปถามคนที่สร้างความรุนแรง ในบางสิ่งที่ถูกเรียกร้องมาก็ไม่สามารถจะทำให้ได้ พร้อมขอให้ให้กำลังใจรัฐบาลทำงานต่อไป
ด้านความคืบร่างรัฐธรรมนูญ ขณะนี้ได้ทูลเกล้าฯ ถวายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตามกำหนดเวลา ส่วนการแก้ไขนั้นเป็นไปตามที่เคยได้ให้ข่าวไว้ โดยคิดว่าขณะนี้ยุติได้แล้วซึ่งรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายหลักของประเทศ แต่กฎหมายลูกเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเผชิญหน้า
สำหรับการแต่งตั้ง ผู้ทรงคุณวุฒิใน คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้มีจำนวนพอสมควรแล้ว ในระหว่างนี้ได้มีการเรียกมาพูดคุยปรึกษาปัญหา และไม่จำเป็นที่จะต้องมานั่งถามว่าแต่งตั้งเสร็จหรือยัง และจะเสร็จเมื่อไหร่
ผสข. เกตุกนก ครองคุ้ม