ทูตรัสเซียเสียชีวิตที่นิวยอร์ค/ประท้วงต้านทรัมป์/เกาหลีเหนือ-มาเลเซียขัดแย้งบานปลาย

นาย วิทัลลี อิวาโนวิช เชอร์คิน เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ เสียชีวิตอย่างกระทันหันที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาเมื่อวานนี้ หรือเพียง 1 วันก่อนที่เขาจะมีอายุครบ 65 ปี ตำรวจเปิดเผยว่า นายเชอร์คินมีอาการหมดสติขณะปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ถนนตะวันออกที่ 67 จากนั้นจึงนำส่งโรงพยาบาลเพรสบิเทอเรียน (Presbyterian Hospital) และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ต่อมากระทรวงต่างประเทศรัสเซีย ออกประกาศว่า ทูตรัสเซียผู้มีผลงานโดดเด่นได้เสียชีวิตลงแล้ว ในขณะที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ และขอแสดงความเสียใจต่อญาติของนายวิทัลลี อิวาโนวิช เชอร์คิน

ด้านนางซาแมนธา พาวเวอร์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ กล่าวว่า มีความเสียใจอย่างยิ่งที่ทราบข่าวนายเชอร์คินเสียชีวิต และยกย่องว่าเป็นผู้ที่พยายามทำทุกหนทางเพื่อเชื่อมความแตกต่างระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซีย

วันที่ 20 กุมภาพันธ์ เป็นวันประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา แต่มีชาวอเมริกันจำนวนมาก เข้าร่วมการชุมนุมประท้วงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยพวกเขาชูแผ่นป้าย และตะโกนถ้อยคำว่า "ไม่ใช่ประธานาธิบดีของฉัน" เนื่องจากประธานาธิบดีทรัมป์ ออกนโยบายหลายด้านที่ไม่เป็นอเมริกัน สร้างความเกลียดชังระหว่างบุคคลต่างผิวสี ต่างเชื้อชาติ

พล.อ.เจมส์ แมททิส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ที่กรุงแบกแดด อิรัก ว่า สหรัฐฯไม่ได้เข้ามาในอิรักเพื่อที่จะยึดน้ำมันของใคร และชาวอเมริกันก็จ่ายค่าพลังงานมาตลอด และจะทำต่อไปในอนาคต อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่เห็นด้วยกับการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ออกคำสั่งผู้บริหารห้ามพลเมืองจาก 7 ประเทศมุสลิมเดินทางเข้าสหรัฐฯ ซึ่งในกลุ่ม 7 ประเทศรวมถึงอิรักด้วยนั้น เขาเชื่อว่าจะเอื้อประโยชน์ให้กับชาวอิรักโดยเฉพาะผู้ที่ร่วมการต่อสู้มาด้วยกัน คำแถลงของ พล.อ.แมททิสยังมีขึ้น หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์แสดงความเห็นว่าควรนำน้ำมันอิรักมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายในปฏิบัติการทางทหารในอิรัก

การสอบสวนคดีฆาตกรรมนายคิม จองนัม พี่ชายต่างมารดาของนายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ที่สนามบินในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ลุกลามเป็นความขัดแย้งทางการทูต เมื่อมาเลเซียเรียกเอกอัครราชทูตกลับจากเปียงยาง และเชิญนายคัง ชอล เอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือประจำมาเลเซียเข้าพบ เพื่อชี้แจงกรณีที่เขาวิจารณ์ว่า มาเลเซียชันสูตรศพโดยไม่ได้รับอนุญาต มีพฤติกรรมปกปิดและทำตามคำร้องขอของศัตรู รวมถึงเกาหลีเหนือไม่อาจวางใจการทำงานของตำรวจมาเลเซีย เพราะเหตุฆาตกรรมเกิดขึ้นมา 7 วัน แต่ยังไม่ทราบสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิต

กระทรวงต่างประเทศมาเลเซียออกแถลงการณ์ว่า เป็นคำวิจารณ์ที่ไม่มีหลักฐานสนับสนุน ส่วนนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัคแห่งมาเลเซีย กล่าวว่า มาเลเซียสอบสวนอย่างมืออาชีพ และเป็นกลาง ไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำอะไรเพื่อป้ายสีเกาหลีเหนือ หวังว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจและทำตามกฎหมายมาเลเซีย

ส่วนความคืบหน้าการสอบสวน มาเลเซียต้องการตัวชาวเกาหลีเหนือ 5 คน ที่เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง โดย 1 ใน 5 ถูกควบคุมไว้แล้ว อีก 4 คนเชื่อว่าหลบหนีออกจากประเทศแล้ว โดย 3 คนในจำนวนนี้ขึ้นเที่ยวบินจากจาการ์ตาไปดูไบในค่ำเดียวกัน และกลับเปียงยางผ่านทางรัสเซีย

นายกรัฐมนตรี ลี เซียนลุง ของสิงคโปร์ จัดงานเลี้ยงต้อนรับนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ซึ่งเดินทางเยือนสิงคโปร์ในฐานะผู้นำประเทศเป็นครั้งแรก โดย 1 ในประเด็นที่มีการหารือคือแนวทางของนโยบาย 2 รัฐเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์เห็นว่า เป็นเพียงหนทางเดียวที่จะนำไปถึงหนทางของสันติภาพ

สภาผู้แทนราษฎรกัมพูชาผ่านกฎหมายให้อำนาจผู้พิพากษายุบพรรคการเมือง หากมีความผิดฐานละเมิดรัฐธรรมนูญ ปลุกระดม หรือผู้นำพรรคถูกตัดสินลงโทษในคดีอาญา โดยเสียงสนับสนุน 66 เสียงมาจากพรรคประชาชนกัมพูชา (ซีพีพี) ที่เป็นพรรครัฐบาล ภายใต้นายกรัฐมนตรีฮุน เซน ขณะที่พรรคกู้ชาติกัมพูชา (ซีเอ็นอาร์พี) ที่เป็นพรรคฝ่ายค้านไม่เข้าร่วมการอภิปรายและไม่ลงมติด้วย

ที่ฟิลิปปินส์ นายอาร์ตูโร ลาสคานาส อดีตนายตำรวจเมืองดาเวา เปิดแถลงข่าวที่อาคารวุฒิสภา ยอมรับว่า เคยเป็นหนึ่งในสมาชิกหน่วยสังหารดาเวา ซึ่งมีหน้าที่กำจัดอาชญากรตามคำสั่งของประธานาธิบดีโรดริโก ดูแตร์เต ของฟิลิปปินส์ สมัยที่ยังเป็นนายกเทศมนตรีเมืองดาเวา

สถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติ ณ กรุงสตอกโฮล์ม (SIPRI) รายงานว่า อาวุธที่ถูกจัดส่งระหว่างปี 2555-2559 มีจำนวนมากกว่า ทุกช่วงระยะ 5 ปี นับตั้งแต่ปี 2533 โดยซาอุดีอาระเบีย เป็นผู้นำเข้าอาวุธรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกรองจากอินเดีย ด้วยมูลค่าการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 212 ส่วนใหญ่เป็นอาวุธที่สั่งซื้อจากสหรัฐฯ และอังกฤษ

โดยสหรัฐฯ และรัสเซียครองส่วนแบ่งตลาดอาวุธมากกว่าร้อยละ 50 ของโลก โดยมีจีน ฝรั่งเศส และเยอรมนี อยู่ในกลุ่มผู้ส่งออกรายใหญ่ 5 อันดับแรก

ปิดท้ายที่รายงานจากเยอรมนี ซึ่งหน่วยงานควบคุมด้านโทรคมนาคมและเน็ตเวิร์กของเยอรมนี แนะนำให้พ่อแม่ ผู้ปกครองทำลายเคย์ลา ตุ๊กตาพูดได้ เพราะตุ๊กตาเคย์ลา ประกอบด้วยอุปกรณ์ที่สามารถใช้ในการสอดแนมได้ ไม่ว่าจะเป็นกล้อง รวมทั้งไมโครโฟน สามารถเก็บเสียงและบันทึกภาพสิ่งที่เป็นความลับของผู้ใช้งาน

 ตุ๊กตาเคย์ลา เป็นตุ๊กตาที่ผลิตในสหรัฐฯ มีการวางจำหน่ายในหลายประเทศมากกว่า 1 ล้านตัว มีอุปกรณ์บลูทูธที่เชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่นในโทรศัพท์ เมื่อผู้ใช้ถามคำถามกับ เคย์ลา ตุ๊กตาจะเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเพื่อหาคำตอบในสิ่งที่เราต้องการรู้ และอ่านออกมาให้ฟัง ซึ่งกลายเป็นช่องว่างด้านความปลอดภัย 

...